“สมศักดิ์” เปิดตำราหาเสียง งัดคลิปพฤษภา’53 คว่ำ “เพื่อไทยและพวก”

ในขณะที่พรรคเพื่อไทย และพรรคเครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร ปลุกวาทกรรมต้านเผด็จการสมัยพฤษภาทมิฬมาโจมตีการเลือกตั้งครั้งนี้ จะเป็นการสู้กันระหว่างพรรคเทพกับพรรคมาร หรือ “ประชาธิปไตย-เผด็จการ”

ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นฝ่ายสนับสนุนเผด็จการ คือ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ใช้โอกาสสะสมทุนรอนสู้ศึกเลือกตั้ง ด้วยการจัดระดมทุน ปิดอิมแพ็ค ฟอรั่ม ฮอลล์ 9 เมืองทองธานี จัดโต๊ะจีน 200 โต๊ะ โต๊ะละ 3 ล้านบาท จนยอดบริจาคทะลุเกินเป้า 650 ล้านบาท

กลับถูก “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเพื่อไทย กระแทกไปตรง ๆ ว่า ชาติหน้าถึงจะได้เป็นรัฐบาล

แต่ก่อนงานเลี้ยงโต๊ะจีนหรูจะเริ่มขึ้น “สมศักดิ์ เทพสุทิน” แกนนำคนสำคัญ พปชร. พักใจกายหลบมุมไปเตะฟุตบอล ให้ลูกน้องเครือข่ายเข้าอวยพรปีใหม่ พ่วงวันเกิดล่วงหน้าในเดือน ม.ค.

เขาใช้ประสบการณ์กว่า 3 ทศวรรษ ในสนามเลือกตั้ง มองโอกาสที่จะชนะเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยว่า

“ดูแล้ว พปชร.มีโอกาสชนะพรรคเพื่อไทย เพราะเกณฑ์ของผู้ชนะเลือกตั้งจะต้องมี 5 สิ่งเป็นองค์ประกอบ 1.ดูว่ามีญาติเยอะหรือไม่ เพราะอย่างผมมีญาติ 10 คน ก็เป็นหัวคะแนนได้แล้ว 10 คน 2.มีเพื่อนเยอะไหม ทุกคนมีเพื่อนเยอะ โดยเฉพาะเพื่อนสมัยเรียนเป็นตัวช่วยในการหาคะแนนได้ดี 3.ผลงานในพื้นที่ ซึ่งผู้สมัครทุกคนต้องลงพื้นที่ ถ้าขยันก็มีโอกาส 4.นโยบายพรรคดีไหม ถ้า พปชร.มีนโยบายที่ต่อยอดจากนโยบายรัฐบาลปัจจุบัน เช่น บัตรคนจน ถือว่าสำเร็จแล้ว 5.เงินมีไหม ซึ่ง กกต.กำหนดค่าใช้จ่ายเลือกตั้งของผู้สมัคร ส.ส.เขต คนละ 2 ล้านบาท”

“ผมคิดว่าพรรคพลังประชารัฐมีครบทั้ง 5 ข้อ แต่ พปชร.ได้กี่เสียง ขึ้นอยู่กับประชาชน เพราะจะได้ผู้แทนมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับผู้สมัครจะขยันเดินพบปะ ชี้แจงกับประชาชนมากน้อยขนาดไหน”

ในฐานะประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของพรรค เขาบอกว่า เรื่องที่จะต้องชี้แจง-ปรับทัศนคติให้กับชาวบ้าน เพื่อหันมาเลือก พปชร. คือ ข้อครหาที่ว่า พปชร.เป็นพรรคเผด็จการ-สืบทอดอำนาจ และต้องย้ำแม้แผ่นเสียงตกร่อง

“ผู้สมัครไม่ค่อยอยากชี้แจงเรื่องนี้ แต่ผมบอกว่าต้องชี้แจง คิดว่าเป็นเรื่องสำคัญ จึงมักพูดเสมอเพื่อทำให้คนเห็นว่าถ้าบ้านเมืองไม่เกิดความวุ่นวายปี 2553 และปี 2556 บ้านเมืองจะไม่มาถึงวันนี้”

“ในปี 2553 ตอนนั้นท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำหน้าที่อยู่ดี ๆ ก็มีการชุมนุม มีการเผาศาลากลาง ทหารต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์ พอท่านยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกฯบริหารบ้านเมืองอย่างดี จู่ ๆ คดีความเรื่องเผาศาลากลาง ศาลก็พิพากษาให้ประหารชีวิต และเป็นเหตุให้มีการนิรโทษกรรม และกฎหมายก็นิรโทษกรรมย้อนหลังไปถึงปี 2549 ทำให้เกิดกลุ่ม กปปส.ขึ้นมา หลังจากนั้นมีการชุมนุม 7 เดือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เป็นผู้บัญชาการทหารบก ถูกกดดันให้ทำอะไรสักอย่าง สุดท้ายมีเรียกแกนนำม็อบไปเจรจา เมื่อตกลงกันไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ขอโทษที่ต้องยึดอำนาจ”

“ถึงวันนี้ความรู้สึกวันนั้นไม่รู้เป็นอย่างไรใครเป็นเผด็จการไม่เป็นเผด็จการ แต่ประชาชนต้องคิดว่า การเป็นเผด็จการแก้ปัญหาบ้านเมืองเข้ามาแก้ปัญหาทำให้เกิดความสงบหรือไม่ เพราะถ้าตีราคาว่าชั่ว ทุกฝ่ายก็ชั่วเหมือนกันหมด ต้องชี้ให้ประชาชนเห็นว่า ที่ คสช.เข้ามาระยะแรกเข้ามาดูเรื่องควบคุมให้บ้านเมืองอยู่ในความสงบ เข้าสู่ระยะที่ 2 คือ ทำเรื่องขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่น เขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก”

“เมื่อวางรากฐานแล้ว ระยะที่ 3 จึงเป็นเรื่องของการช่วยเหลือเกษตรกร โดยมีนักการเมืองเข้ามาช่วยแนะนำ ซึ่งรัฐบาลก็ทำตาม จนราคาผลผลิตทางการเกษตรเริ่มดีขึ้น เช่น ข้าว จากนั้นระยะที่ 4 หลังเลือกตั้ง จะต้องทำให้เห็นว่าเป็นช่วงที่นักการเมืองเข้าไปรับช่วงต่อ เพื่อแก้ปัญหาของเกษตรกร”

1 เดือนก่อนเลือกตั้ง “สมศักดิ์” เปรยว่า อาจมี “แผนเด็ด” เรียกคะแนนเสียง

“อาจเปิดคลิปวิดีโอให้ประชาชนเห็นเหตุการณ์ว่าในตอนปี”53 และปี”56 นั้น บ้านเมืองมีสภาพเป็นอย่างไร”

“การเปิดวิดีโออาจเป็นแผนหนึ่ง ซึ่งใครไม่ทำ แต่ผมอาจทำโซนที่ผมรับผิดชอบอยู่” สมศักดิ์กล่าวโดยไม่กังวลจะถูก กกต. แจกใบเหลือง-ใบแดง เพราะไม่ได้พาดพิงใคร เป็นแค่คลิปเหตุการณ์

แต่ 7 วันสุดท้ายจนถึงคืนหมาหอน “สมศักดิ์” วิเคราะห์ว่า อาจเป็นช่วงที่พรรคการเมืองแข่งขันกันหนักหน่วงที่สุด

และ พปชร.อาจโดนโจมตี หนักที่สุดคือ เรื่องภาพลักษณ์เผด็จการ จึงต้องเตรียมแผนแก้คำครหาตั้งแต่เนิ่น ๆ

“เรื่องเผด็จการจะต้องเล่นกันในช่วงโค้งสุดท้าย แต่ ร.ต.อ.เฉลิมเอามาพูดก่อน ซึ่งถือว่าผมเก็งข้อสอบถูก” สมศักดิ์กล่าวปิดท้าย

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!