กกต.จับสลากแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้ง เตรียมปฏิบัติหน้าที่เลือกตั้ง ส.ส.

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 25 ธันวาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. พร้อมด้วยกรรมการการเลือกตั้ง ร่วมการจับสลากแต่งตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด สำหรับปฏิบัติหน้าที่ในการเลือกตั้ง ส.ส. ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยมีผู้ตรวจการเลือกตั้งที่ถูกขึ้นบัญชีไว้จำนวน 603 คน มีผู้ลาออก 3 คน ถูกคณะกรรมการคัดชื่อออก 10 คน และไม่พร้อมในการปฎิบัติหน้าที่ 7 คน ทำให้เหลือรายชื่อที่จะถูกจับสลากในครั้งนี้ 583 คน โดย กกต.จะจับสลากผู้ทำหน้าที่เพียง 413 คน ในการจับสลากถูกแบ่งออกเป็น 10 กลุ่ม จังหวัดกลุ่มละ 7- 9 จังหวัด โดยแต่ละจังหวัดจะมีผู้ตรวจการเลือกตั้งที่มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ในจังหวัดนั้น 2 คน ส่วนที่เหลือมาจากในจังหวัดอื่นที่อยู่ในกลุ่มจังหวัดเดียวกัน ส่วนจำนวนผู้ตรวจการเลือกตั้งในจังหวัดนั้นๆ ขึ้นอยู่กับจำนวนเขตเลือกตั้งในจังหวัด 5-8 คน โดยถ้าในจังหวัดมีเขตเลือกตั้งไม่เกิน 5 เขตเลือกตั้งมีผู้ตรวจการเลือกตั้ง 5 คน จังหวัดที่มีเขตเลือกตั้ง 6-8 เขตมีผู้ตรวจการเลือกตั้ง 6 คน จังหวัดที่มีเขตเลือกตั้ง 9 – 10 เขต มีผู้ตรวจการเลือกตั้ง 7 คน และจังหวัดที่มีเขตเลือกตั้งมากกว่า 12 เขตขึ้นไป มีผู้ตรวจการเลือกตั้ง 8 คน ซึ่งหลังจับสลากรายชื่อทั้งหมดจะถูกเสนอต่อที่ประชุม กกต.เพื่อพิจารณาแต่งตั้งต่อไป

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวว่าการจับสลากผู้ตรวจการเลือกตั้งเพื่อที่จะไปทำหน้าที่ในการเลือกตั้ง ส.ส. จะมีผู้ตรวจการเลือกตั้ง 413 คน ไปปฎิบัติหน้าที่ในกลุ่มจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยจะทำการตรวจการทำงานของกรรมการประจำหน่วย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งทั้งหมด ตรวจเรื่องของการเลือกตั้งเพื่อไม่ให้การเลือกตั้งทุจริต อย่างการเลือก ส.ว.ที่ผ่านมา ผู้ตรวจการเลือกตั้งก็ได้เบาะแสว่ามีผู้สมัครบางคนเสนอทรัพย์สินให้กับผู้สมัครด้วยกันเอง เพื่อให้ตัวเองได้รับการคัดเลือก และได้มีการเข้าไปพูดคุย หาข้อมูล จนสมารถเสนอเรื่องให้ กกต.ระงับสิทธิ์ของผู้สมัครที่กระทำความผิด การปฎิบัติงานของผู้ตรวจการเลือกตั้ง ส.ส. จะเริ่มเมื่อมี พ.ร.ฏ.เลือกตั้ง

เมื่อถามว่า มีผู้ตรวจการเลือกตั้งบางราย ลาออกย้อนหลังจากที่ทำงานเดิม จะถือว่าเป็นความผิดหรือไม่ เลขาฯ กกต.กล่าวว่า ยังไม่มีรายงานเรื่องนี้เข้ามา ถ้ามีจะตรวจสอบและดูข้อกฎหมาย แต่โดยปกติการลาออกจะมีผลเมื่อเจ้าตัวได้ยื่นหนังสือลาออก ซึ่งบางแห่งยื่นไว้แต่ยังไม่มีการประกาศ แต่ก็จะถือว่ามีผลเมื่อเจ้าตัวยื่นหนังสือลาออก

 

ที่มา : มติชนออนไลน์