แม้ว่าพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ส.ส. จะประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว แต่รัฐธรรมนูญกำหนดให้ “หัวหน้า คสช.ยังมีอำนาจ-หน้าที่ จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ หลังการเลือกตั้งทั่วไป ครั้งแรก จะเข้ารับหน้าที่”
ที่มากกว่าการเป็นคณะรัฐมนตรี “รักษาการ” คือ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ยังปฏิบัติหน้าที่ได้ต่อไป เป็นไปตามบทเฉพาะกาล “อำนาจของหัวหน้า คสช. และคณะ คสช. ยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
จนกว่าจะมี “รัฐบาลใหม่” ชื่อ “บิ๊กตู่” จึงจะหายไปจากกระดานอำนาจ ดังนั้น กำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ หรือ ครม.สัญจร จึงยังจะคงดำเนินต่อไป
ทั้งเป็นไปเพื่อช่วยปักหมุดทางการเมือง ให้พรรคฝ่ายพลังประชารัฐ และทั้งเป็นการสำรวจกระแสความนิยม ส่วนตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ หากจัดพลัดจับผลู ถูกโหวตให้เป็น นายกรัฐมนตรี “คนนอก” ตามบทเฉพาะกาล จะได้สานต่องานได้ทันที
การเคลื่อนทั้ง 2 ขา ล้วนสั่นสะเทือนฐานเสียง-ฐานที่มั่นของแชมป์เก่า-มรดกทางการเมืองของ “ทักษิณ ชินวัตร” ในเครือข่ายของพรรคเพื่อไทย-ไทยรักษาชาติ โดยทางตรง-ทางอ้อม
โค้งสุดท้ายหักศอกของ “บิ๊กตู่” จึงยังเดินเท้าต่างจังหวัดถี่ยิบ ก่อนจะมีการเลือกตั้งตามโรดแมป ภายใน 150 วัน ตามคาด “วันอันตราย” พ้นจากดินแดนการเป็น “โมฆะ” ยังคงไม่เกินวันที่ 24 มีนาคม 2562
ล่าสุด ครม.สัญจรครั้งที่ 16 จัดทัพลงพื้นที่ภาคเหนือ เป็นพื้นที่ฐานเสียงของ “สองพี่น้องอดีตนายกฯ” ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย (พท.) เพราะการเลือกตั้งปี”54 สามารถกวาดเก้าอี้ ส.ส.ในพื้นที่ภาคเหนือ ได้เป็นกอบเป็นกำ
โดยเฉพาะสมรภูมิ 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบนสุด-เมืองหลวง พท. ได้แก่ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และลำพูน พื้นที่เป้าหมาย ใต้เส้นอีเวนต์ ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ครั้งแรกของปี 2562
จำนวน ส.ส.เก่า 19 ที่นั่ง อันเป็นฐานทัพ พท. คือป้อมค่าย ที่ “บิ๊กตู่และคณะ” ต้องการสัญจรไปสำรวจ-ทะลวงฟัน
ในเชียงใหม่ 10 เขตเลือกตั้ง พท.เคยกวาดเรียบ 10 ที่นั่ง ส่วนแม่ฮ่องสอน 1 เขตเลือกตั้ง แชมป์เก่า คือ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ลำปาง 4 เขตเลือกตั้ง พท.จองทั้งหมด และลำพูน 2 เขตเลือกตั้ง พท.เคยทำคะแนนสูงสุดในประเทศมาแล้ว
การลงพื้นที่ในช่วงก่อนการเลือกตั้งจะชัดเจน จึงเป็นการ “ย้ำหมุด” ในพื้นที่สำคัญ-มีนัยทางการเมือง เพื่อสร้างแรง “สั่นสะเทือน” ไปยังฐานที่มั่นโดยตรงของฝ่าย “ทักษิณ ชินวัตร”
การประชุม “ครม.สัญจร” 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน “นัดรองสุดท้าย” ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ซึ่งค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าการเลือกตั้งจะอยู่ปฏิทินเดือนมีนาคม
“พล.อ.ประยุทธ์” อนุมัติกรอบงบประมาณ-โครงการมัดจำ-มัดใจ “คนเหนือ” กว่า 2 หมื่นล้านบาท 26 โครงการ อาทิ โครงสร้างพื้นฐาน 12 โครงการ วงเงิน 17,660 ล้านบาท 1.ปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 11 ตอนแยกภาคเหนือ-ขุนตาล จาก 4 ช่องเป็น 8 ช่องจราจร วงเงิน 100 ล้านบาท 2.ทางหลวงหมายเลข 116 ตอนป่าสัก-สะปุ๋ง-บ้านเรือน-สันป่าตอง จาก 2 ช่องเป็น 4 ช่องจราจร วงเงิน 850 ล้านบาท 3.ทางหลวงหมายเลข 1035 ตอนวังหม้อพัฒนา-แจ้ห่ม วงเงิน 3,300 ล้านบาท
4.ขยายสะพานข้ามทางแยกต่างระดับ จุดตัดทางหลวงหมายเลข 1 ตอนเกาะคา-สามัคคี กับทางหลวงหมายเลข 11 ตอนแยกภาคเหนือ-ขุนตาล วงเงิน 100 ล้านบาท 5.ก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ ทางหลวงหมายเลข 1136 ตอนเหมืองง่า-ลำพูน เพื่อเชื่อมทางเลี่ยงเมืองลำพูน สายเหมืองง่า-ท่าจักร และเชื่อม จ.เชียงใหม่ วงเงิน 300 ล้านบาท
6.ก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองแม่ริม วงเงิน 6,971 ล้านบาท 7.ก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองสันกำแพง 4,268 ล้านบาท และ 8.ก่อสร้างสถานีขนส่งสินค้า จ.เชียงใหม่ วงเงิน 1,711 ล้านบาท 9.เสริมสร้างเชียงใหม่เมืองอัจฉริยะ โดยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานถนนนิมมานเหมินท์ “Smart Nimman” 60 ล้านบาท 10.ศึกษาแก้ไขปัญหาการจราจรบริเวณโดยรอบท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่
ด้านอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม 4 โครงการ ได้แก่ 1.ศึกษา EIA อ่างเก็บน้ำแม่สุย อ.เมืองลำปาง 2.ก่อสร้างประตูระบายน้ำดอยแต อ.เมืองลำพูน 3.ก่อสร้างระบบระบายน้ำปลายคลองแม่แตง-แม่ขาน จ.เชียงใหม่ 4.พัฒนา “ลำปางหัตถอุตสาหกรรมเซรามิก” ยกระดับวิสาหกิจรายย่อยและวิสาหกิจชุมชน
สนับสนุน New S-curve จำนวน 6 โครงการ อาทิ 1.การยกระดับกาแฟอราบิก้าอย่างครบวงจร (Northern Boutique Arabica Coffee Hub) 2.ยกระดับเศรษฐกิจชุมชนด้วยอัตลักษณ์ล้านนาเชิงสร้างสรรค์ เพื่อรองรับอุตสาหกรรม MICE พัฒนาคุณภาพสินค้า OTOP
3.ยกระดับ “Northern Thailand Food Valley” สู่การขับเคลื่อนนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคตสู่ตลาดสากล ระยะเวลา 3 ปี (2563-2565) รวม 150 ล้านบาท
รวมถึงรับข้อเสนอเชิงนโยบาย จำนวน 4 แผนงาน อาทิ 1.ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ร่วมกับภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ศึกษาแนวทางขับเคลื่อนการใช้ศักยภาพภาคเหนือตอนบนด้าน MICE, Medical & Wellness Hub, Creative LANNA และ Food Valley เชื่อมโยงระหว่างแผนงาน GMS กับการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร 2.ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับภาครัฐที่เกี่ยวข้อง พิจารณาศึกษาการพัฒนาศักยภาพเชื่อมโยงเมืองเก่าลำพูน ลำปาง เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน เชื่อมโยงกลุ่มจังหวัดในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวอารยธรรมล้านนา
3.ให้กระทรวงพาณิชย์ แก้ไขปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญในพื้นที่ เช่น กระเทียม สับปะรด ลำไย และ 4. กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาจัดสวัสดิการด้านการสาธารณสุขให้กับประชาชนในพื้นที่ทุรกันดารให้เกิดความเท่าเทียมกัน โดยเฉพาะพื้นที่ห่างไกลใน จ.แม่ฮ่องสอน เช่น บริการการแพทย์ฉุกเฉิน ทั้งการสร้างมาตรการจูงใจบุคลากรทางการแพทย์ไปปฏิบัติงาน
ทั้งอนุมัติก่อหนี้ผูกพันเพิ่มเติมก่อสร้างอาคารศูนย์บริการสุขภาพสาธารณสุข 1 หลัง พร้อมลานจอดรถ จ.เชียงใหม่ วงเงิน 1,209 ล้านบาท รวมถึงเห็นชอบขยายมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 2 ที่สิ้นสุดโครงการเมื่อเดือน ธ.ค. 61 ออกไปอีก 6 เดือน หรือ ม.ค.-มิ.ย. 62 และอนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2562 งบฯกลางเพิ่มเติม วงเงิน 4,370 ล้านบาท
เห็นชอบปรับเปลี่ยนการเติมเงินซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (300 หรือ 200 บาทต่อเดือน) เป็นการเติมเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ200 หรือ 100 บาทต่อเดือน ส่วนที่เหลือ 100 บาท ให้เติมเงินเข้าวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ในช่วงก.พ.-เม.ย.62เพื่อให้สามารถถอนเงินสดผ่านตู้ ATM ได้
การลงพื้นที่ “ปักหมุด” 4 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีนัยสำคัญในทางการเมือง-เก็บแต้มต่อในการทำศึกสงครามตัวแทน-สร้างคะแนนให้กับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยปริยาย
โค้งสุดท้าย-ก่อนการเลือกตั้ง อาจเคยเป็นโค้งอันตรายของรัฐบาลรักษาการ แต่สำหรับยุค “บิ๊กตู่” ผู้ที่อาจปรากฏตัวเป็นนายกรัฐมนตรีซ้ำได้ทั้งใน-นอกโผ บัญชีนายกรัฐมนตรี นาทีนี้เขายังได้ไปต่อ…จนกว่าจะมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่