พลังประชารัฐ แท็กทีม “สมคิด” กำคะแนนนิยม “บิ๊กตู่”-ปิดประตูเป็นพรรคฝ่ายค้าน

พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เร่งเครื่องเต็มสูบ หลังจาก 4 รัฐมนตรี-แกนนำ พปชร.ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ถอดสูท-สลัดเนกไท ใส่กางเกงยีนส์-สวมเสื้อคลุมนักการเมืองเดินคลุกฝุ่นตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีเวลาใน-นอกราชการ

ประเดิมงานการเมือง “จานด่วน” ทั้งการ “เฟ้นหา” ผู้สมัคร ส.ส. 350 เขตการจัดวางยุทธศาสตร์ 150 ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) แก้เกมกติกาเลือกตั้ง-เก็บคะแนนตกน้ำ และการยกขันหมากสู่ขอ “ว่าที่นายกฯ” ให้ทัน “เส้นตาย” 4-8 ก.พ. 62

ในช่วงชุลมุน โดยเฉพาะบัญชี “แคนดิเดตนายกฯ” 3 รายชื่อ แม้ พปชร.จะมีมติเทียบเชิญ 2 คนนอกกับเสนอ 1 คนใน ได้แก่ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ-หัวหน้า คสช. 2.นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และ 3.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ แต่ยังต้องรอคำตอบด้วยใจระทึก

แม้ว่าที่ประชุม กก.บห.จะมี “มติเอกฉันท์” ทั้ง 3 รายชื่อและแกนนำ-อดีต 4 รัฐมนตรีที่เคยทำงานกับ พล.อ.ประยุทธ์มาเกือบ 4 ปี จน “รู้มือ”

ทว่าไม่มีใครมั่นใจ 100% ว่า พล.อ.ประยุทธ์จะตกปากรับคำเชิญ จนต้องเตรียม “แผนสำรอง” หรือรายชื่อที่ 4 ที่ 5 ไว้ในยามคับขัน รวมถึงการเดินสายเจาะฐานเสียง-ตีเมืองใหญ่ของพรรคเพื่อไทยและเร่ขายนโยบายของกลุ่มสามมิตร

ขณะที่ชื่อ “อุตตม” หัวหน้าพรรค แม้ตามจารีตจะกาชื่อทิ้งไม่ได้ แต่นายอุตตมเองก็ไม่มั่นใจ ว่า จะไม่อยู่นอกเหนือ “ข้อตกลง” ในการ “สู่ขอ” พล.อ.ประยุทธ์

“ส่วนหัวหน้าพรรคที่ยังไม่ตอบรับในที่ประชุมวันนั้น อาจจะเกรงใจท่านนายกฯ เพราะเคยทำงานด้วยกันมา ส่วนที่เสนอชื่อท่านสมคิด แม้ท่านจะออกตัวไม่ขอรับแต่พรรคเห็นว่าท่านยังมีไฟอยู่”

“แต่สุดท้ายในสภาก็เสนอได้คนเดียว แม้จะเสนอไป 3 รายชื่อ หรือท้ายสุดก่อนเสนอชื่อต่อ กกต.อาจจะเหลือเพียงรายชื่อเดียวก็เป็นไปได้” 1 ใน กก.บห.ระบุ

ขณะที่นายสมคิดที่อยู่ระหว่าง “โรดโชว์” เศรษฐกิจที่จังหวัดโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ส่งเมสเสจข้ามน้ำข้ามทะเลมาว่า ยังไม่ได้รับการติดต่ออย่างเป็นทางการทั้งสิ้น กลับไปประเทศไทยค่อยว่ากัน ก่อนจะออกแรงเชียร์ไปที่ “พล.อ.ประยุทธ์”

“หวังเป็นอย่างยิ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะรับเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ พปชร. ตนเองเคยประกาศว่า ประเทศไทยช่วงนี้เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ และมีความเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้นำที่เหมาะกับสถานการณ์นี้ ณ วันนี้ยังมีความเห็นเหมือนเดิม ก็หวังว่าท่านจะรับเป็นแคนดิเดตของพรรคที่ท่านเห็นสมควร และเห็นว่าเหมาะสม”

การเสนอแคนดิเดตนายกฯ “เต็มโควตา” จึงมีนัยทางการเมือง-แท็กติกเพื่อสู้ในเกมชิงเก้าอี้นายกฯ ในสภาเพื่อลดคราบพรรคทหาร-เพิ่มโทนพลเรือน-เบนเป้าการโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ เรื่อง “สืบทอดอำนาจ”

นอกจากนี้ ยังมี “อุตตม-สมคิด” ไว้เป็น “นายกฯสำรอง” หากเกมในสภา เล่นกันแรง” ต่อต้าน “นายกฯทหาร” จนลากไปถึงขั้นเกิด “เดดล็อก” ในสภา-ปลดล็อกนายกฯคนนอก

ที่สำคัญหาก “พล.อ.ประยุทธ์” ตัดสินใจจดปากกาเซ็นสัญญา-รับเทียบเชิญจากพลังประชารัฐ จะทำให้เพิ่ม “โควตา” นายกฯคนนอก-เป็นเงาทะมึนอยู่ข้างหลังการเมืองหลังเลือกตั้งทันที…ที่ใครก็อาจจะปฏิเสธไม่ได้

ด้านการจัดทัพ-คัดสรร ว่าที่ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 150 คน ยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากยัง “ไม่ลงล็อก” ในช่วงกลาง-ท้ายตารางบัญชีปาร์ตี้ลิสต์เพราะยิ่งอยู่อันดับล่างลงไปมากเท่าไร โอกาสที่จะได้เป็น ส.ส.ก็จะริบหรี่ลงเรื่อย ๆ

1 ในทีมยุทธศาสตร์ พปชร.ระบุว่า ขณะนี้แม้จะมีครบทั้ง 150 คนแล้ว เหลือแต่เพียงการจัดอันดับเรียงตามความเหมาะสม เพราะลำดับรายชื่อช่วงต้นลงตัวแล้ว เหลือเพียงช่วงกลางและช่วงปลายเพราะต้องดูศักยภาพของแต่ละคนในการลงช่วยเหลือในพื้นที่มากกว่ากัน

“อันดับ 1-60 ครบหมดแล้ว โดยมี กก.บห.เกือบทุกคนอยู่ในอันดับที่ 1-60 จากทั้งหมด 25 คน นอกนั้นเป็นนักการเมืองที่ช่วยผู้สมัครในพื้นที่ต่าง ๆ โดยพรรคให้ความระมัดระวังในการวางอันดับปาร์ตี้ลิสต์มาก ว่า ควรจะเอาใครเข้าสภา”

“กติกาการเลือกตั้งครั้งนี้ จำนวน ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่จะได้เป็นผลมาจากการได้ ส.ส.เขต ว่า มากหรือน้อย ดังนั้น จึงเป็นความระมัดระวังที่จะต้องวางปาร์ตี้ลิสต์ให้เหมาะสม”

“สมมุติคะแนนนิยมของพรรคได้ 30% ของผู้มาใช้สิทธิ หรือ 10 ล้านคน เท่ากับได้เก้าอี้ ส.ส.140 คน สมมุติได้ ส.ส.เขต 60 คน ทำให้ได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 80 คน หรือถ้าได้ ส.ส.เขตเยอะ 100 กว่าขึ้น หรือ 120 ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ก็จะเหลือเพียง 20 เท่านั้นเอง ดังนั้น จึงต้องคิดหลาย ๆ รูปแบบ”

“ตอนนี้อยากได้ ส.ส.เขต มากกว่า ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เพื่อความชัวร์ เพราะเรามั่นใจคนทำงานในเขต ประเมินแล้วคะแนนนิยมตอนนี้ไม่น้อยกว่า 30% ของผู้มาใช้สิทธิ”

ขณะที่การเกณฑ์เหล่าทหารราบ-ผู้สมัคร ส.ส.350 เขต ที่ “ไม่ลงตัว” ในจังหวัดพัทลุง เขต 2-เขตที่วางมวยเรื่อง “เก็บบัตรประชาชน” ทั้งที่ระฆังเริ่มยกยังไม่ดัง เพราะมีผู้แสดงเจตจำนง 2 คน ในพื้นที่ตกลงกันไม่ได้ จึงไม่ได้ลงทั้งคู่-ต้องสรรหาคนใหม่

สำหรับ 2 คนที่ไม่ผ่านรอบคัดเลือก คือ คนหนึ่งเป็นนักวิชาการ อีกคนหนึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่นในพัทลุง แม้ “โปรไฟล์” ของนักการเมืองท้องถิ่นจะดูมี “ภาษีดีกว่า” แต่เพราะทั้ง 2 คน มี “แรงสนับสนุน” จาก “อดีตนายก อบจ.” จึงทำให้ตกลงกันไม่ได้

“กก.บห.ตัดสินใจยากมาก เพราะคนหนึ่งเป็นหลาน อีกคนเป็นลูกน้องของอดีตนายก อบจ.พัทลุง ถ้าเป็นม้าก็ต้องถ่ายรูป ชนะกันที่ปลายจมูก นี่เป็นความร้อนแรงของพรรคพลังประชารัฐที่ใครก็อยากเข้ามา”

“ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” รองหัวหน้าพรรคให้น้ำหนักกับการเสนอชี่อ 3 แคนดิเดตนายกฯในบัญชี เพราะจะทำให้พรรคชนะเลือกตั้ง…บนสมมุติฐานทั้ง 3 รายชื่อตอบรับเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรค โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ “เซย์เยส”

แต่ก็มั่นใจเช่นเดียวกันว่า “บัญชีนายกฯ” จะไม่ใช่ตัวชี้ขาดว่าพรรคจะชนะ-แพ้การเลือกตั้ง แต่ขึ้นอยู่กับนโยบายเพราะประชาชนตัดสินใจที่นโยบาย ไม่ได้ตัดสินใจที่ตัวบุคคล

เคยคิดเผื่อใจไว้บ้างหรือไม่ว่า สุดท้ายพลังประชารัฐอาจจะตกไปเป็นฝ่ายค้าน ? หาก “พรรคตระกูลเพื่อ” ชนะถล่มทลาย-แลนด์สไลด์

“เราไม่ได้เข้ามาเลือกตั้งเพื่อแพ้ มาถึงวันนี้พลังประชารัฐถือเป็นพรรคใหญ่พรรคหนึ่ง เราก็ต้องเดินเต็มที่เพื่อเข้าสู่การเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล”

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat 

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!