“ณัฐวุฒิ” ปัดตอบแคนดิเดตนายกฯ ทษช. ขึ้นอยู่ กก.บห.ตัดสิน ยัน นปช.เปล่าดื้อแพ่ง ไม่พอใจอันดับปาร์ตี้ลิสต์

นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวถึงกระแสข่าวที่ นปช.ไม่พอใจลำดับบัญชีรายชื่อในพรรค ว่าข่าวที่ออกมาไม่ทราบมาจากแหล่งใดว่า เกิดการยุติปฏิบัติหน้าที่หรือลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ สมาชิกพรรคแต่อย่างใด ตนมาที่นี่เพราะได้นั่งปรึกษาหารือกันเพราะเป็นพี่น้องร่วมต่อสู้แลกชีวิตด้วยกันมา ต้องการคำตอบจาก ทษช.ว่ายืนยัน ประชาธิปไตยต่อต้านอำนาจเผด็จการ คสช.ใช่หรือไม่ เมื่อได้รับคำตอบก็มา ตนพูดตั้งแต่มาสมัครไม่ได้พกความต้องการ ข้อเรียกร้องทางการเมืองเข้ามา มาทำหน้าที่ใน ทษช. ไม่ได้ตอบโจทย์ความคาดหวังของพวกเรา แต่ต้องรับผิดชอบความหวังของประชาชน คาดหวังว่าการเลือกตั้งจะนำบ้านเมืองกลับสู่วิถีทางประชาธิปไตย และให้รัฐบาลเลือกตั้งแก้ไข เศรษฐกิจปากท้องของประชาชนได้ เชื่อว่า ทษช.ทำได้จึงมาทำอยู่ด้วยกัน

“ประชาชนจำนวนมากที่ถามเข้ามาแสดงความห่วงใย ขอได้โปรดรับทราบว่าพวกผมเดินหน้าไม่มีตะกอนในหัวใจ ยืนยันว่าหลักการประชาธิปไตยคือภาระหน้าที่ของพวกเราและการผนึกกำลังคนรุ่นใหม่ กับคนรุ่นใหญ่ จะเป็นคำตอบพลิกฟื้น ศก.ประเทศ อยู่ดีกินดี สร้างอนาคตที่ดีกว่ากับประชาชน ส่วนคนรุ่นใหม่ขอพื้นที่ทำความเข้าใจ ที่ถูกหยิบยกชื่อแล้วตั้งประเด็นคำถาม น้องๆ เหล่านั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกผม แต่เป็นอำนาจเผด็จการ ดังนั้น จะจับมือกันเดิน ต้องการเวทีพิสูจน์ตัวเอง และพร้อมยืนบนเวทีเดียวกัน” นายณัฐวุฒิกล่าว

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ส่วนสถานการณ์การเมืองอื่น เห็นพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดลำดับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พบว่าหลายคนที่อยู่ในลำดับต้นๆ ล้วนแต่เป็นนักการเมืองจากพรรคการเมืองเดิม ซึ่งย้อนแย้งกับคำพูด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่พูดตลอดมาว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ขอให้เลือกคนใหม่ ถ้าเลือกคนเก่าจะเกิดปัญหาสารพัด และ พล.อ.ประยุทธ์มักพูดบทบาทนักการเมืองในแง่ลบตลอดมา แต่บัญชีรายชื่อ พปชร.ห้าลำดับแรก ครึ่งหนึ่งจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ครึ่งหนึ่งจากพรรคไทยรักไทย ไม่ได้มีรูปลักษณ์ใหม่อย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ อธิบาย หมายความว่า เพื่อบรรลุแผนสืบอำนาจ จะเอาใครมาก็ได้ใช่หรือไม่ และที่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวหาว่านักการเมืองที่มีคดีความอยู่ในชั้นศาลไม่ควรให้การสนับสนุน วันนี้กลับกลายเป็นว่า ประชาชนจะต้องหันมาสนับสนุนถ้าเข้าไปอยู่ พปชร.แล้วใช่หรือไม่ มั่งคั่งมั่นคง ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่เหลาไปเป็นบ้องกัญชาใช่หรือไม่

“ประชาชนเห็นทั่วกัน พปชร.เห็นเกี่ยวพันกับการสืบทอดอำนาจอย่างไม่ต้องสงสัย 5 ปี ที่เผชิญวิกฤตตลอดมาได้เท่านี้ ถ้ามีการเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 หลายคนที่อยู่ พปชร.ก็จะลงเลือกตั้ง เป็นนักการเมืองที่สู้กันในสนามแข่งขัน เพียงแต่จะไม่มี 250 ส.ว. มีกติกาที่เปิดกว้างให้พรรคฝ่ายผู้มีอำนาจได้เปรียบสุดๆ ฝ่ายตรงข้ามเสียเปรียบสุดกำลัง สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ที่สังคมสรุปร่วมกันให้เร็วที่สุดว่าเผด็จการไม่สามารถเป็นคำตอบสุดท้ายในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน” นายณัฐวุฒิกล่าว

นายณัฐวุฒิยังกล่าวถึงแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ว่าเป็นเรื่องที่คณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) จะประชุมกันมีมติ เนื่องจากตนไม่ได้เป็น กก.บห.ต้องให้ กก.บห.มีความชัดเจน ซึ่งในวันที่ 8 ก.พ. กก.บห.เสนอรายชื่อบัญชีของพรรคออกมา ส่วนจุดยืน นปช.ยืนยันหลักการประชาธิปไตยตั้งแต่เวทีแรกที่ออกมาต่อสู้ ว่าหลักการสูงสุดเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อะไรที่ตามนี้ก็เป็นหลักการร่วมกัน และยังไม่ได้หารือกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค กรณีที่คาดว่าจะไม่ได้เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค และ นปช.ไม่แสดงจุดยืนก่อน ที่ กก.บห.ประกาศชื่อ ถ้าพูดอย่างนั้นก็ไปชี้นำ กดดัน ไม่ใช่บทบาทที่จะไปแสดงออกเช่นนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ตอบรับเป็นนายกฯ ในบัญชีของพรรค พปชร. เพราะรอดูชื่อแคนดิเดตนายกฯ ทษช.ก่อน นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ไม่แน่ใจว่า พล.อ.ประยุทธ์รอดูชื่อหรือไม่ เพราะท่านพูดตลอดว่ารอตัดสินใจ 8 ก.พ. อาจมีเหตุผลของท่าน ส่วนการเป็นนายกฯ สมควรเป็น ส.ส.หรือไม่นั้น คิดว่าการเสนอรายชื่อ เท่ากับบุคคลดังกล่าวปรากฏให้ประชาชนสนับสนุนรายชื่อนั้นๆ อยู่แล้ว ปฏิเสธโลกความเป็นจริงไม่ได้รัฐธรรมนูญเขียนแบบนี้

เมื่อถามว่า แคนดิเดตนายกฯ ควรร่วมหาเสียงกับผู้สมัครของพรรคหรือไม่ นายณัฐวุฒิตอบว่า กรณี พล.อ.ประยุทธ์ แคนดิเดตของ พปชร.จะลงหาเสียง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็ห้ามเช้าห้ามเย็น ขึ้นอยู่กับยุทธศาสตร์แต่ละพรรคและบทบาทของแต่ละบุคคล