‘จาตุรนต์-ณัฐวุฒิ’ ประกาศงดกิจกรรม หยุดเวทีปราศรัย-หาเสียง รอความชัดเจน

“จาตุรนต์-ณัฐวุฒิ” ประกาศยุติกิจกรรมจากส่วนกลาง เช่น เวทีปราศรัย-การรณรงค์หาเสียงที่ต้องพบประชาชนจำนวนมาก เพื่อติดตามสถานการณ์จากศาลฯจนเคลียร์ก่อน ยัน ไม่ใช่การลอยแพพรรค

เมื่อเวลา 10.35 น. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2562 ที่พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรค นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะทำงานรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรค นายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะทำงานเศรษฐกิจ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท นพ.เหวง โตจิราการ สมาชิกพรรค เดินทางมาถึงที่ทำการพรรคพร้อมกัน โดยนายจาตุรนต์กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ขอปรึกษาหารือกันก่อน แล้วเดี๋ยวจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง”

จากนั้นเวลา 11.20 น. ทั้งหมดได้ร่วมกันนั่งแถลงข่าว โดยนายจาตุรนต์กล่าวว่า ที่มาหารือวันนี้เรามาในฐานะสมาชิกพรรค ทุกคนยังเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ยังมีหน้าที่ต่างๆ อยู่ และที่ถามกันว่าวันนี้พวกตนเข้ามาพรรคทำไมนั้น เมื่อพรรคกำลังเผชิญปัญหาเราต้องมาร่วมกันคิดเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเต็มความสามารถที่สุด เราได้ติดตามสถานการณ์โดยตลอดตั้งแต่มีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯในนามพรรคด้วยความห่วงใยมาตลอด จากการรับฟังการแถลงของกรรมการบริหารหลายครั้งหลังวันที่ 8 กุมภาพันธ์เห็นว่าทุกคนมีเจตนาดี ทำทุกอย่างด้วยความบริสุทธิ์ใจ เมื่อสถานการณ์มาถึงขั้นที่ศาลกำลังจะพิจารณาว่าจะรับเรื่องยุบพรรค ทษช.หรือไม่นั้น และดูจากข้อกล่าวหาที่บอกเป็นปรปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เมื่อเรื่องกำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของศาล เราจึงต้องรอการพิจารณาของศาลก่อน

ดังนั้น การรณรงค์หาเสียงและการปราศรัยรวมถึงการจัดกิจกรรมพบปะประชาชนจำนวนมากเราจะงดกิจกรรมเหล่านี้ไว้ก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแทรกซ้อน ส่วนการดำเนินการในชั้นศาลหากเรามีช่องทางใดที่จะช่วยได้ ยืนยันว่าเราพร้อมช่วยและเต็มใจร่วมแก้ปัญหาของพรรคไปถึงที่สุด

นายจาตุรนต์กล่าวว่า ยืนยันเรามีความผูกพันกับพรรค อยากให้พรรคเดินหน้าแก้ไขปัญหาประเทศ ปัญหาเศรษฐกิจ และผลักดันประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่เรายืนยันว่าเราตั้งใจให้เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมืองและประชาชน

ด้านนายณัฐวุฒิกล่าวว่า ในส่วนของผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคที่ลงสมัคร 100 กว่าเขต ยังคงมีสถานะเป็นผู้สมัคร มีพันธผูกพันต้องทำงานให้กับประชาชน ก็ต้องเดินหน้าพบปะประชาชนต่อไป เพียงแต่ทีมรณรงค์หาเสียงจากส่วนกลางจะยุติภารกิจเพื่อรอให้สถานการณ์เดินไปจนได้ข้อสรุปจากศาลรัฐธรรมนูญก่อน เพราะเราอยากให้ทางพรรคมีสมาธิในเรื่องคดีความ

เมื่อถามว่า จากกรณีนี้ นายณัฐวุฒิ และนายจาตุรนต์ จะยังอยู่ในตำแหน่งประธานรณรงค์หาเสียง และประธานยุทธศาสตร์พรรคอยู่ใช่หรือไม่ นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ตนเป็นสมาชิกพรรค ทษช. ที่เดินเข้ามาก็บอกกล่าวกับพี่น้องประชาชนว่าภารกิจของเราเพื่อนำพาบ้านเมืองกลับสู่ประชาธิปไตย และเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้กับประชาชน ดังนั้นภารกิจนี้ยังคงอยู่ไม่ว่าตนจะอยู่ในบทบาทหน้าที่ใดก็ตาม ตนจะขอยืนหยัดอยู่กับพรรคจนกว่าสถานการณ์จะได้ข้อยุติ ไม่ว่าจะในทางใดก็ตามสถานะความเป็นความสมาชิกพรรค ตนไม่สามารถที่จะทิ้งไปได้

เมื่อถามว่า การหยุดรณรงค์หาเสียงจะกระทบต่อความนิยมของพรรคหรือไม่ นายจาตุรนต์กล่าวว่า ขณะนี้เราดูเรื่องความเหมาะสมของสถานการณ์ ถ้าดูจากข้อกล่าวหา และประเด็นที่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องละเอียดอ่อน การดำเนินการในลักษณะที่ต้องปราศรัยพบกับคนจำนวนมากไม่น่าจะเป็นผลดี และเราน่าจะต้องให้ความสำคัญกับการเตรียมการชี้แจงในกระบวนการ และขั้นตอนในศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ตนเชื่อว่า สิ่งที่พรรค ทษช.ได้ชี้แจง และรณรงค์กับประชาชนตลอดช่วงที่ผ่านมาก็น่าจะเป็นความเข้าใจต่อประชาชน การจะหยุดพักการจัดชุมนุมปราศรัยไม่น่าจะเสียหายอะไร ขณะนี้ต้องแก้ปัญหาให้ตรงกับปัญหาก่อน และในระหว่างนี้เราจะเลือกใช้วิธีชี้แจง และแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ในกระบวนการยุติธรรม แม้จะไม่ใช่ศาลปกติ การพูดคุยชี้แจงกับประชาชนจะเกิดขึ้นหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีข้อยุติตัดสินแล้ว เราจะไม่ใช้วิธีชี้แจงกับประชาชนระหว่างการพิจารณา

เมื่อถามว่า เมื่อไม่ได้ไปร่วมยื่นชื่อแคนดิเดตนายกฯกับพรรคในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จะไปช่วยชี้แจงเรื่องนี้อย่างไร นายจาตุรนต์กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่าตนจะไปในสถานะไหน รวมถึงการได้รับเชิญให้ไปชี้แจงด้วยหรือไม่ แต่จะชี้แจงเท่าที่ทำได้ให้เต็มความสามารถ เช่น การได้รับการหารือ หรือพูดคุยกับกรรมการพรรคหลายท่านหลังวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทราบว่าหลายท่านเจตนาดี มีความบริสุทธิ์ใจที่จะทำในสิ่งที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ซึ่งตรงกันกับที่กรรมการบริหารพรรคได้ชี้แจงกับประชาชนไปแล้ว ส่วนอื่นๆเรื่องนี้เป็นเรื่องเฉพาะ เป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเป็นส่วนที่ตนไม่สามารถชี้แจงได้ ทั้งนี้ การประกาศยุติการปราศรัยเวทีใหญ่นั้นไม่ใช่มติของพรรค แต่เป็นมติของผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องนี้

เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าตั้งแต่เกิดเรื่อง นายจาตุรนต์ และนายณัฐวุฒิหายตัวไปจากพรรคเลย สะท้อนถึงการเกิดรอยร้าวในพรรคหรือไม่ นายจาตุรนต์กล่าวว่า ไม่มีรอยร้าวอะไร เมื่อเกิดเรื่องขึ้นเรามีการติดตามสถานการณ์ มีความห่วงใย การตัดสินใจต่างๆ หลังจากนั้นเข้าใจว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารพรรคโดยตรง รวมถึงการหาทนาย และผู้ที่จะมาชี้แจง ซึ่งส่วนนี้ก็เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารพรรค มาถึงวันนี้มาเพื่อร่วมแก้ปัญหา สิ่งที่เราได้ชี้แจงไปคือการร่วมช่วยในการแก้ปัญหา และยืนยันว่าเราพร้อมที่จะร่วมแก้ปัญหาไปจนถึงที่สุด

เมื่อถามว่า เสียใจไหมที่ตัดสินใจมาอยู่พรรค ทษช. นายณัฐวุฒิกล่าวว่า สิ่งที่เดินหน้ามาวันนี้มีเจตนาเดียวคือนำพาบ้านเมืองกลับสู่แนวทางประชาธิปไตย สิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วตนไม่สามารถย้อนกลับไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เพราะมีที่มาและเหตุผลของมันอยู่แล้ว

ขณะที่นายจาตุรนต์กล่าวว่า สิ่งที่เราดำเนินการมาเป็นไปตามที่เราตั้งใจ และได้ประกาศไว้ทุกอย่าง อย่างเต็มความสามารถ และได้รับความเข้าใจจากประชาชนที่เห็นด้วย และเข้าร่วมกับเรา ไม่มีอะไรที่รู้สึกเสียดาย ทั้งนี้ เมื่อเรื่องไปถึงศาลแล้วเราจะไม่แสดงความคิดเห็นนอกศาล ส่วนการแสดงความคิดเห็นอื่นๆ ที่เห็นว่าจำเป็นจะยังดำเนินต่อไป

เมื่อถามว่า เป็นการลอยแพพรรคหรือไม่ นายจาตุรนต์กล่าวติดตลกว่า ไม่ได้เป็นการลอยแพ และไม่ใช่การมาพรรคครั้งสุดท้าย

ทั้งนี้ หลังจากการแถลงข่าวเสร็จสิ้นทุกคนที่ร่วมแถลงก็เดินทางออกจากพรรคทันที


ที่มา:มติชนออนไลน์