“หญิงหน่อย” ควงครอบครัวเดินหาเสียงสยาม ชี้ชัดอยู่แล้วนายกฯ-พปชร.เป็นเนื้อเดียวกัน ถาม กกต. จะปล่อยให้มีการเอารัดเอาเปรียบถึงวันลงคะแนนเลยหรือไม่

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 17 กุมภาพันธ์ “หญิงหน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย (พท.) และแคนดิเดตนายกฯของพรรค พร้อมครอบครัวเดินทางมาลงพื้นที่สยามสแควร์วัน เพื่อหาเสียงเลือกตั้ง โดยมีประชาชนที่มาเที่ยวซื้อสินค้าต่างให้ความสนใจ บางคนเข้ามาขอถ่ายภาพคู่ โดยเฉพาะ น.ส.ยศสุดา ลีลาปัญญาเลิศ หรือ น้องจินนี่ ได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นพิเศษ จากนั้นคุณหญิงสุดารัตคน์ พร้อมครอบครัวเดินทักทายประชาชนไปลานน้ำพุหน้าห้างสยามพารากอน โดยประชาชนและวัยรุ่นได้สอบถามหมายเลขผู้สมัครของพรรคพท. โดยคุณหญิงสุดารัตน์ บอกกับประชาชนว่าให้จำชื่อพรรคเพื่อไทยเท่านั้นในการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม เพราะหลายเขตมีหมายเลขผู้สมัครไม่เหมือนกัน

โดยคุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า ที่พาครอบครัวมาลงพื้นที่ในวันนี้ เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ตนต้องลงพื้นที่หาเสียงที่ต่างจังหวัดหลายวัน จึงไม่มีเวลาให้กับครอบครัวและวันนี้น้องจินนี่และน้องเบสท์มาเรียนพิเศษที่สยามสแควร์ ทำให้เลือกลงพื้นที่ที่สยามสแควร์ รวมทั้งต้องการมาพบปะกับคนรุ่นใหม่

จากนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ลงพื้นที่พบปะประชาชน เปรียบเป็นการช่วยพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หาเสียง ว่า ก็แนบแน่นเป็นเนื้อเดียวกันอยู่แล้ว ทั้งนี้ อย่างที่หลายคนบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นกติกาที่ร่างกันมา การทำโรดแมปที่บอกว่า 4 ปี จะนำไปสู่การเลือกตั้งวันนี้ก็เห็นชัดแล้ว เป็นโรดแมปที่จะทำให้ผู้มีอำนาจกลับเข้ามามีอำนาจอีกครั้ง ดังนั้น ไม่ว่าจะกติกาที่เอารัดเอาเปรียบ หรือการเอารัดเอาเปรียบระหว่างนี้โดยการลงพื้นที่หาเสียง หรือการใช้งบประมาณ และอำนาจรัฐ เอื้ออำนวย และสอดคล้องกัน นักข่าวควรไปถาม พล.อ.ประยุทธ์ มากกว่า

เมื่อถามถึงกรณีที่มีข้าราชการขึ้นเวทีปราศรัยกับพรรค พปชร. คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รัฐต้องวางตัวเป็นกลาง ดังนั้น การใช้เจ้าหน้าที่รัฐ อำนาจรัฐ และงบประมาณของรัฐถือเป็น 2 ส่วน คือ เราเป็นคู่แข่งขันทางการเมืองที่รู้อยู่แล้วว่าเราถูกเอารัดเอาเปรียบ แต่เราก็ก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดอย่างไม่เป็นธรรม และการเอาเปรียบนี้ผิดกฎหมายด้วย ดังนั้น เราไม่ใช้เจ้าหน้าที่รัฐอยู่แล้ว เราไม่ยุ่งเกี่ยว เพราะเป็นเรื่องการเมือง และขอฝากถามนายกฯ ในฐานะที่เป็นหัวหน้าคสช. และเป็นแคนดิเดตนายกฯพรรคการเมืองหนึ่งว่า การกระทำโดยการใช้อำนาจหัวหน้าคสช.ก็ดี นายกฯก็ดี ส่อไปในทางเอื้อประโยชน์ หรือทำให้เกิดผลดีต่อบางพรรคการเมืองถูกต้องตามกฎหมาย และสมควรหรือไม่ นอกจากนี้ ขอถาม กกต.ว่าจะปล่อยให้มีเหตุการณ์อย่างนี้จนถึงวันลงคะแนนเลือกตั้งเลยหรือไม่

เมื่อถามว่า 27 ปีที่ทำการเมืองมาเคยเจอแบบนี้หรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ไม่เคยเจอ ครั้งนี้ถือเป็นปรากฎการณ์ครั้งแรกในหลายๆ อย่าง 1.ปกติรัฐบาลที่อยู่ในการเลือกตั้งจะต้องเป็นรัฐบาลรักษาการที่ไม่มีอำนาจใดๆ ไม่มีการใช้งบประมาณ หรือการโยกย้ายข้าราชการ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นายกฯ และครม. มีอำนาจเต็ม 100% ยังจัดงบ เพิ่มงบ สั่งการต่างๆ ได้ แถมยังมีมาตรา 44 อีก 2.จากการลงพื้นที่ได้มีการสะท้อนจาก ส.ส.ในพื้นที่ตลอดเวลาว่า เขาถูกข่มขู่จากอำนาจรัฐ ทั้งเรื่องเก็บบัตรประชาชนจากเจ้าหน้าที่รัฐ บางเขตมีการเก็บบัตรทหารเกณฑ์ เราฟังมาตลอด ก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก ชื่อพรรค กับโครงการต่างๆ ของรัฐบาลในการแจกเงินแจกทองของรับบาลก็ชื่อเดียวกัน ซึ่งที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าทำแบบนี้

 

 

ที่มา : มติชนออนไลน์