วันนี้ (20 ก.พ.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตส.ส.พรรครักประเทศไทย โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊ก เรื่อง “ทหารกับนักการเมือง” ระบุว่า
ตราบใดที่นักการเมืองยังทะเลาะกัน ก็หนีทหารไม่พ้น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
นี่แค่ปล่อยให้หาเสียงก็เริ่มตีกันเสียแล้ว เข้าสภาไป เดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีก เมื่อโจทย์ไม่ได้แก้ คำตอบก็ยังเหมือนเดิม รัฐประหารซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะเราไม่รู้จักจำ
สังคมแบบไทยๆ ทหาร คือ ดุลอำนาจของนักการเมือง หากนักการเมืองใช้อำนาจเกินเมื่อไหร่ เท่ากับเปิดประตูค่ายให้ทหารออกมา
อย่ายั่ว อย่าหาเรื่อง อย่าทะเลาะ อย่านิรโทษกรรมสุดซอย อย่าประท้วงข้างถนน อย่าปิดสถานที่ราชการ อย่ากวักมือเรียกทหาร
หาก 5 ปีที่แล้ว นักการเมืองพรรคเพื่อไทยไม่ใช้อำนาจในสภามากจนเกินที่สังคมจะรับได้ และพรรคประชาธิปัตย์ไม่เลือกใช้หนทางนอกสภาแก้ปัญหาผ่านร่างทรงสุเทพ อีกทั้งพรรคขนาดกลางไม่นิ่งเฉยรอเข้าข้างคนชนะ ไฉนเลยทหารจะออกมาได้?
คนไทยต้องไม่ลืม ว่าใครทำอะไรไว้ อย่าถามว่าจะมีรัฐประหารอีกไหม? แต่จงถามว่าจะทำเหมือนที่ผ่านมาอีกหรือเปล่า?
เมื่อไหร่ที่นักการเมืองทำเพื่อประชาชน ทหารทำเพื่อปกป้องประเทศชาติ ก็ทางใครทางมัน ต่างคนต่างทำหน้าที่ ต่างคนต่างเดิน
ส่วนคนที่ว่าผมเข้าข้างทหาร คงเข้าใจผิด ผมชื่อชูวิทย์ ไม่ได้ชื่อสุเทพ วันที่ผมติดคุก 3 รอบ ถูกขังเดี่ยว 3 วัน ที่กรมสารวัตรทหาร ถูกอายัดทรัพย์ ลูกชายจับใบแดงไปเป็นทหารเกณฑ์ และอีกหลายอย่าง หากผมมี พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ หนุนอยู่ข้างหลังจริง ทำไมถึงโดนได้ขนาดนี้?
ผมแบ่งแยกความเป็นเพื่อนกับหน้าที่ออก ทำอะไรผิด ก็รับผิดในสิ่งที่ทำ ไม่ต้องไปร้องขอให้เพื่อนลำบากใจ ที่บอกว่าผม กับ ผบ.ทบ. ท่านนี้ รู้จักสนิทสนม ผมก็เคยยืนยันว่ารู้จักกันจริง แต่ต่างคนต่างทำหน้าที่ ไม่มีขอกันเรื่องอื่น
ความเป็นเพื่อนมันห้ามกันไม่ได้ อย่างเดียวที่เคยขอ คือ ขอกินเหล้าและท่านก็ชงเหล้าให้ในฐานะเพื่อน ไม่ได้ชงให้ในฐานะ ผบ.ทบ.