วิษณุชี้นโยบาย “กัญชาเสรี” ทำจริงไม่ง่าย ขอปชช.ใช้วิจารณญาณ

“วิษณุ” ระบุ พรรคการเมืองมีสิทธิเสนอนโยบาย-ขายฝัน ชี้ “กัญชาเสรี” ทำจริงไม่ง่าย แต่ถ้าจะทำ ต้องออกกฎหมายใหม่ แนะ ประชาชนใช้วิจารณญาณฟังนโยบายหาเสียง ต้องรู้เท่าทัน ไม่ใช่เอาเฮอย่างเดียว

เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีบางพรรคการเมืองชูนโยบายปลูกกัญชาเสรีในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ทั้งที่พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่7) พ.ศ.2562 ระบุให้ใช้ทางการแพทย์และงานวิจัยเท่านั้น ว่า โดยกฎหมาย กระทรวงสาธารณสุขจะต้องมีหลักเกณฑ์ออกมาว่าใช้กัญชาชนิดใด ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)แล้วว่าให้เร่งรัดออกมาโดยเร็ว และจากที่แพทย์ได้อธิบายให้ครม.ฟัง เขาระบุว่ากัญชาที่จะนำไปสกัดเป็นน้ำมันหรือยา ต้องเป็นกัญชาที่ปลอดสารพิษ ปลอดสารเคมี และโดยรอบรัศมีที่ปลูก จะต้องไม่มีการใช้สารพิษด้วยเช่นกัน ดังนั้น จึงไม่ใช่ว่าเป็นกัญชาชนิดใดก็ได้ เพราะกัญชาบางชนิดสกัดออกมาแล้วเป็นโทษมากกว่าเป็นคุณ ส่วนที่มีการนำไปชูเป็นนโยบายหาเสียงนั้น เป็นสิ่งที่เกินเลยจากกฎหมายปัจจุบัน ดังนั้น ต้องไปแก้กฎหมายมาใหม่ เพราะภายใต้พ.ร.บ.ที่ออกมาล่าสุด ไม่ได้ไปไกลถึงขนาดนั้น

“เดิมเรื่องนี้เป็นเรื่องผิดกฎหมายทั้งหมด แต่คราวนี้อนุญาตให้นำมาแปรรูปเป็นน้ำมัน เป็นยาได้ ภายใต้หลักเกณฑ์วิธีการที่กฎหมายกำหนด ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะต้องออกระเบียบหรือประกาศกระทรวง ส่วนที่ไปโฆษณาว่าส่งเสริมปลูกกัญชาเสรีทั่วไป ที่ไหนมีที่ว่างปลูกหน้าบ้านหลังบ้าน กฎหมายยังไม่ได้ไปถึงขั้นนั้น แต่ถ้าจะเอาอย่างนั้นก็ต้องไปออกกฎหมายใหม่อีกฉบับ” นายวิษณุกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การนำไปชูเป็นนโยบายหาเสียงให้ปลูกกัญชาเสรี ถือว่าขัดกฎหมายหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ หากคิดที่จะไปไกลถึงขั้นแก้กฎหมายก็แล้วแต่พรรคการเมือง เหมือนกับที่มีการหาเสียงโดยอ้างว่าถ้ามาเป็นรัฐบาลแล้วจะยกเลิกกฎหมายนั้นๆ ก็มีสิทธิ์พูด เพียงแต่ทำไม่ได้ทันที และเมื่อถึงเวลา จะทำได้หรือไม่ได้ก็เถียงกันอีกมาก

“ถ้าไปถึงขั้นว่าจะให้เสรี ผมคิดว่าคงเถียงกันอีกเยอะ ถ้าบอกว่าวันนี้กฎหมายห้าม แล้วถ้าผมเป็นรัฐบาลผมจะยกเลิก อย่างนี้มีสิทธิ์พูดทั้งนั้น แต่ส่วนจะควรหรือไม่ควรก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งถือเป็นวิจารณญาณของผู้ฟัง บางคนบอกว่าจะแก้รัฐธรรมนูญเขาก็ยังพูดได้ ไม่แปลก เป็นธรรมดา เราเองก็อยากให้แต่ละพรรคพูด เพื่อที่จะได้เห็นความแตกต่างในนโยบาย ส่วนประชาชนผู้ฟังก็ต้องใช้วิจารณญาณอย่างมาก เพราะบางเรื่องเป็นการพูดในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ บางเรื่องพูดในสิ่งที่ไม่สมควร บางเรื่องพูดในสิ่งที่ยังไม่รู้ว่าจะปฏิบัติอย่างไร เช่น จะเอาเงินมาจากไหน จะเอาคนมาจากไหน จะเอากฎหมายหรืออำนาจมาจากไหน จะเอาเทคโนโลยีมาจากไหน คนฟังจึงต้องฟังให้ดี ไม่ใช่เอาเฮๆ แค่นั่งเมล์เห็นป้ายสองข้างทาง แล้วรู้สึกประทับใจก็สามารถให้คะแนนไปได้ แต่ฟังแล้วก็ต้องรู้เท่าทัน ในใจต้องบวกลบคูณหารเอาไว้หน่อยว่าแล้วจริงๆเขาทำได้หรือไม่ แต่ละคนอายุปูนนี้ ผ่านการเลือกตั้งกันมาหลายครั้ง เห็นการหาเสียงลมๆแล้งๆ หรือการพูดที่เป็นไปไม่ได้มาแล้วหลายเรื่อง และบางครั้ง เขาตั้งใจทำจริง แต่เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลผสมแล้ว เสียงมาแพ้พรรคใหญ่ ก็ไม่สามารถนำเรื่องนั้นมาเป็นนโยบายรัฐบาลได้” นายวิษณุกล่าว

เมื่อถามว่า ถือเป็นการขายฝันหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็อยากให้ขาย ไม่เช่นนั้นเขาจะเอาเรื่องอะไรมาพูด ทุกพรรคพูดเพื่อหาสมาชิก แต่คนฟังก็ต้องเข้าใจและแยกแยะ พรรคการเมืองก็ต้องรับผิดชอบในเงื่อนไขว่าได้คะแนนเสียงมาก ได้เป็นรัฐบาล แล้วผลักดันเรื่องนั้นๆไปเป็นนโยบายของรัฐบาล ถ้าเป็นถึงขั้นนั้นได้ แล้วยังไม่ทำอะไรอีก ก็ถือว่าแย่มาก

ที่มา:มติชนออนไลน์