อภิสิทธิ์ ชู 6 นโยบายทำทันที ประกันราคาสินค้าเกษตร จ่ายส่วนต่างคนรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์

เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ที่บริเวณหอนาฬิกาเทศบาลเมืองเบตง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วยนายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และทีมผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ได้เดินทางมาที่ จ.ยะลา เพื่อช่วยผู้สมัครส.ส. ทั้ง 3 เขตหาเสียง โดยขึ้นรถแห่ไปตามท้องถนนสายหลัก และในเขตเทศบาลเมืองเบตง แล้วแวะลงทักทายพี่น้องประชาชน เพื่อขอคะแนนให้กับ นายภูริพงษ์ สุวรรณศิริ ผู้สมัครเขต 1,นายอับดุลเลาะ บุวา ผู้สมัครเขต 2 และ นายณรงค์ ดูดิง ผู้สมัครเขต 3 โดยมีประชาชนมาคอยต้อนรับจำนวนมาก พร้อมมอบดอกกุหลาบ และขอถ่ายรูปอย่างคึกคัก

จากนั้นนายอภิสิทธิ์ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่ อ.เบตง จ.ยะลา โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ผมมายะลาบ่อย แต่ไม่ค่อยได้เข้าเบตง เนื่องจากมีการดูแลของผู้สมัครอยู่แล้ว ส่วนอุปสรรคในด้านการหาเสียงในพื้นที่ จ.ยะลา ไม่มีปัญหาอะไร พรรคประชาธิปัตย์จะแก้ปัญหายางพาราตกต่ำ และปัญหาเศรษฐกิจในภาพรวม รวมไปถึงความไม่มั่นใจในเรื่องความไม่สงบ และลดปัญหาความเหลื่อมล้ำ ซึ่งเรามองว่า อ.เบตง มีศักยภาพสูงในด้านการท่องเที่ยว ซึ่งต้องได้รับการสนับสนุน และการอำนวยความสะดวกในการเดินทาง

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า สำหรับนโยบายที่สำคัญ ได้แก่ 1.โครงการโฉนดสีฟ้า ซึ่งหลักสำคัญคือผู้ถือครองจะต้องมีความมั่นคง และมั่นใจในการสร้างโอกาสให้กับตนเอง โดยการจัดทำโฉนดชุมชนจัดการตนเอง มีการออก พ.ร.บ.โฉนดชุมชน เพื่อให้สิทธิในการจัดการชุมชนอย่างแท้จริง และยกระดับ สปก.ให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุนของรัฐ โดยการกู้ผ่านธนาคารและตกทอดถึงลูกหลานได้ พร้อมเดินหน้าธนาคารที่ดิน เพิ่มที่ดินทำกินให้คนไทย เร่งออกโฉนดทันใจ สะสางโฉนดที่ดินที่ค้างท่อมานานที่มีเอกสิทธิ์ สค.1 และ นส.3 เพื่อออกสิทธิตามกฎหมายให้แล้วเสร็จ

2.จัดตั้งกองทุนน้ำชุมชน ให้เกษตรกรมีน้ำใช้ตลอดปี มีเงินทำแหล่งน้ำทุกหมู่บ้าน โดยรับการจัดสรรงบจากผู้เชี่ยวชาญแนะนำชาวบ้านจัดการแหล่งน้ำด้วยตนเอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นที่ของรัฐ หากเป็นที่ของประชาชนแต่เหมาะสมที่จะทำสระน้ำ ก็สามารถเข้ามาร่วมโครงการ ซึ่งจะต้องปลดล็อคกฎระเบียบของราชการ และใช้ยางพาราในการทำสระน้ำ

3.ประกันรายได้เกษตรกร ให้ครอบคลุมพืชทุกชนิด สร้างความมั่นคงรายได้ให้เกษตรกรไทยทุกคนได้มีหลักประกันรายได้ขั้นต่ำการทำอาชีพเกษตรกรรม ข้าวไม่ต่ำกว่าเกวียนละ 10,000 บาท, ยางพารา ไม่ต่ำกว่า 60 บาทต่อกิโลกรัม, ปาล์ม 10 บาทต่อกิโลกรัม รวมถึงทำประกันภัยพืชผลคุ้มครองต้นทุนการผลิต

4.ประกันรายได้แรงงานไม่ต่ำกว่า 120,000 บาทต่อปี แต่ถ้ามีรายได้ต่อเดือนเมื่อคำนวณแล้วไม่ถึงที่กำหนด รัฐบาลก็จะจ่ายเงินส่วนต่างให้

5.เบี้ยผู้สูงอายุ 1,000 ต่อเดือน และจะไปปรับโครงการเกี่ยวกับการออมเพื่อการชราภาพ
และ6.เบี้ยสวัสดิการผู้ยากไร้ 800 บาทต่อเดือน ซึ่งโอนตรงสมุดบัญชีผู้มีรายได้ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อปี ซึ่งทุกคนจะต้องเข้าระบบรายงานสถานะทางการเงินของตนเองทุกปี

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า นโยบายทั้ง 6 ข้อนี้ จะทำได้ทันทีเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล และหลังจากนั้นจะเปิดเผยที่มาของงบประมาณอีกครั้ง ซึ่งยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยสร้างภาระให้ประเทศ และไม่เคยทำให้ประเทศเกิดความเสียหาย การระดมเงินเข้ามาทำนโยบายนี้จะใช้เป็นเครื่องมือในการลดความเหลื่อมล้ำได้ด้วย เช่น การประกันรายได้ โฉนดสีฟ้า เพื่อที่จะให้ประเทศไทยเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านได้ เป้าหมายอยากรับใช้พี่น้องภาคใต้ คิดว่ามีความพร้อมด้านบุคลากรทั้งเก่าและใหม่

นายอภิสิทธิ์ ทิ้งท้ายว่า พรรคประชาธิปัตย์มีเป้าหมายเดียว คือ การเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาประเทศชาติและประชาชน ตามสโลแกน “แก้จน สร้างคน สร้างชาติ” ซึ่งรัฐบาลนี้สร้างปัญหาความทุกข์อยากให้เกิดขึ้นยาวนาน โดยเฉพาะปัญหาราคายางพารา และปาล์มน้ำมัน เขาบริหารงานไม่เป็น ปล่อยให้ประชาชนเดือดร้อนต่อเนื่องกว่า 4 ปี แจกเงินภายใต้นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเมื่อปลายปีที่ 5 แต่การแจกก็แจกไม่เป็น และมีข้อแม้ เพราะแจกเงินคนจน แต่ไม่สามารถนำมาซื้อสินค้าจากคนจนได้ ต้องไปซื้อสินค้าที่เขากำหนดจากร้านของนายทุนที่ร่ำรวย เป็นต้น

 

 

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์