เมื่อ 2 พรรคใหญ่…. “เทลุง”

อาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่พรรคใหญ่ 2 พรรค 2 ขั้ว เพื่อไทย – ประชาธิปัตย์ เปิดแคมเปญ “เทลุง” ไม่เอา “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นนายกรัฐมนตรีต่อสมัยที่ 2 พร้อมกัน ในช่วงโค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง

กับท่าที “เพื่อไทย” ที่มี “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” เป็นประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เลือกตั้ง “แคนดิเดตนายกฯ กระเป๋าตุง” ตั้งโต๊ะแถลง “เอาลุงคืนไป เอาเงินในกระเป๋าคืนมา”

“เกือบ 5 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ได้ใช้เงินเกินรายได้ของรัฐบาลไปกว่า 2.38 ล้านล้านบาท ส่งผลให้หนี้ประเทศเพิ่มขึ้นสูงถึง 2.2 ล้านล้านบาทใช้เงินไปมหาศาลขนาดนี้  ทำไมคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ  กับรายได้ลดลง  ยากจนมากขึ้นและมีหนี้สินท่วมหัว​ ตามตัวเลขของธนาคารแห่งประเทศไทย 1.หนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้น 2 ล้านล้าน 2.หนี้ธุรกิจ ยังเพิ่มจากการค้าขายที่ฝืดเคือง หนี้เสีย SME เพิ่มขึ้น 9.5 หมื่นล้านล้านบาท  3.หนี้เกษตรกรเพิ่มขึ้น 2.44 ล้านล้านบาท”

“จนอดีตรัฐมนตรีของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ที่ออกมาเป็น รองหัวหน้าพรรคการเมือง  ออกมายอมรับว่าเองว่า  “คนจนจะอดตายอยู่แล้ว”

“พรรคเพื่อไทยจะไม่ ปล่อยให้ประชาชนต้องเผชิญกับความทุกข์ทางเศรษฐกิจโดยลำพังอีกต่อไป  เราต้องเร่งทวงคืนเงินในกระเป๋าออกให้คนไทย”

ก่อนแคมเปญ “เอาลุงคืนไป” ปรากฏขึ้น ในการประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย เมื่อ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา “แม่ทัพสุดารัตน์” กล่าวต่อหน้านักเลือกตั้งเพื่อไทย ว่า เวลาลงพื้นที่ให้ผู้สมัครของพรรคไปพูดกับประชาชน 2 เรื่อง  1.ยืนยันกับชาวบ้านว่า ถ้าเพื่อไทยมาเศรษฐกิจดีขึ้นพิสูจน์มาแล้วตั้งแต่ไทยรักไทย 2. เพื่อไทยเท่านั้นที่ช่วยหายจนได้ ไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐ หรือประชาธิปัตย์ เพื่อไทยทำได้ดีกว่า และสำหรับพลังประชารัฐ ให้บอกไปเลยว่า รัฐบาลนี้อยู่มา 5 ปีไม่มีฝ่ายค้าน มี ม.44 เศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น ชาวบ้านเจ็บจนถึงกระดูก ขอให้อัดกลับแบบนี้

และยังย้ำกับผู้สมัคร ส.ส.ว่า ให้ “เลิกคิด” ว่ากำลังแข่งกับ “คู่แข่ง” ในพื้นที่ เพราะคนที่แข่งด้วยจริงๆ แล้วคือ “ลุง” ถ้าคิดว่าแข่งกับคู่แข่งในพื้นที่ไม่มีทางชนะ!

แคมเปญ “เทลุง” ของพรรคเพื่อไทยจึงเกิดขึ้น……

ในเวลาห่างกันเพียงชั่วโมงเศษ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็โพสต์คลิปวีดีโอ “เทลุง” ลงบนเฟซบุ๊กของตัวเอง  Abhisit Vejjajiva ประกาศจุดยืนไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้ง เพราะการสืบทอดอำนาจ สร้างความขัดแย้ง และขัดกับอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ “ประชาชนเป็นใหญ่”

ชัดๆ เลยนะครับ ผมไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ต่อ แน่นอน เพราะการสืบทอดอำนาจสร้างความขัดแย้ง และขัดกับอุดมการณ์ของประชาธิปัตย์ที่ว่าประชาชนเป็นใหญ่  5 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจย่ำแย่ ประเทศเสียหายมามากพอแล้ว”

บนเวทีดีเบตสำคัญ “The Standard Debate” เปิดมิติใหม่ของการดีเบต ของสำนักข่าว The Standard นอกจาก “หัวหน้ามาร์ค” จะอ่าน “จดหมายรัก” บนเวที เป็นลุกใหม่ที่ “ฉีก” ไปจากแกนนำพรรคอื่นร่วมแวทีดีเบต

ยังย้ำจุดยืน “ไม่เอาลุง” บนเวทีแม้จะดูเขินเกร็งในช่วงแรก แต่พอถึงช่วงสอง พูดถึงจุดยืนที่พิธีกรให้โชว์จุดยืนทางการเมือง

เขาตอบได้ชัดถ้อยชัดคำ “พูดตามคลิป ชัดๆ เลยนะครับ ผมไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ต่อแน่นอน”      

แต่ในช่วงสุดท้าย ซึ่งเป็นคำถามจากทางบ้านและสื่อมวลชน “อภิสิทธิ์” ตอบคำถามจากทางบ้านที่ว่า  “ประชาธิปัตย์มีจุดยืนว่าไม่ร่วมกับเผด็จการ และพรรคการเมืองที่ประชาธิปไตยไม่สุจริต ถือว่า ปชป.เป็นทางเลือกที่สาม ดังนั้นหาก ประชาธิปัตย์.ได้เป็นรัฐบาลจะจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หรือไม่?”

เขาตอบว่า “ประชาธิปัตย์ต้องการที่จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเราจะต้องมีเสียงมากพอ และจะปฏิเสธบุคคลที่พรรคเพื่อไทย (พท.) และ พปชร.เสนอมาเป็นนายกฯ ซึ่งเป็นการตัดสินใจอยู่บนพื้นฐานประชาชนเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยสุจริต”

“เมื่อเป็นเช่นนี้ต้องดูว่าผลการเลือกตั้งออกมาแล้ว ถ้าประชาธิปัตย์อยู่ในฐานะจัดตั้งรัฐบาลจะเชิญใครเข้ามาร่วม แน่นอนที่สุด พรรคที่ไม่มีปัญหาใน 2  จะต้องได้รับการพิจารราเป็นลำดับแรก แต่การร่วมรัฐบาลกับการเป็นรัฐบาลนั้นต่างกัน หาก ประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เมื่อผมเป็นนายกฯ แปลว่านโยบายจะต้องเป็นไปตามที่พรรคประชาธิปัตย์กำหนดไว้ ที่ผ่านมาเคยร่วมรัฐบาลผสม ต้องเอาโครงการหลายโครงการออกไปจากการประชุมคณะรัฐมนตรี เพราะขัดกับสิ่งที่เราเชื่อ เช่นเดียวกัน ผมจะไปเชิญชวนพรรคใดเข้ามาก็ต้องมั่นใจว่าผมรักษาอุดมการณ์นี้ได้“

“ตอบตรงๆ ทุกคนสงสัยได้ทั้งนั้น พปชร.เอาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากสมการไปก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นอย่างไร  แต่ผมไม่ให้เขาบริหารเศรษฐกิจแน่อนอน และไม่ให้เขามาสืบทอดอำนาจในความหมายที่จะเอาการปกครองที่ไม่เป็นระบอบการปกครองประชาธิปไตย ไม่ส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ไม่กระจายอำนาจ”

กับคำถามที่ถูกถามว่า ถ้า พปชร.เป็นสมการที่สำคัญจะดึง พปชร.มาร่วมรัฐบาลหรือไม่ “อภิสิทธิ” ตอบว่า “อยู่ที่เงื่อนไขที่ผมตั้งให้เขาแล้วเขาจะรับหรือไม่ ถ้ามีการสืบทอดอำนาจในรูปแบบใดๆ ผมก็ปฏิเสธ ไม่มีการร่วมกัน”  

แม้คำตอบอาจจะดู “ตอบตรง” หรือ “แทงกั๊ก”  ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนบุคคลในการรับฟัง – ตัดสิน

แต่ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนนัดกันมาปล่อยของ เป็นแคมเปญ “ทิ้งโค้ง” ก่อนวันหย่อนบัตร

“แม่ทัพสุดารัตน์” เทลุงตู่ และ“หัวหน้าอภิสิทธิ์” ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ต่อ

เมื่อ 2 พรรคใหญ่ “เทลุง” พรรคของลุงจะเข้าวินได้เสียงกี่เสียง คำตอบอยู่ในมือโหวตเตอร์ 51 ล้านคน