การเมือง

“ธนาธร” ชี้ “บิ๊กตู่” เป็นจนท.รัฐ ยึดอำนาจจากปชช. จี้ กกต.เป็นมืออาชีพ ลต.ล่วงหน้าอย่าเละ

เมื่อเวลา 08.30 น. เมื่อวันที่ 15 มีนาคม ที่ตลาดเช้าหนองแขม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดคลิป พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) บนเวทีปราศรัยเป็นครั้งแรก ว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังคงสวมหมวกหลายใบ เป็นทั้ง คสช. นายกฯ และแคนดิเดตนายกฯ ก็ขอยืนยันข้อเรียกร้องเดิมให้ พล.อ.ประยุทธ์ลาออก เพื่อความสง่างามและเท่าเทียมกันในการเลือกตั้ง ช่วงโค้งสุดท้ายพรรคอื่นจะทำอะไรก็เป็นเรื่องของเขา อนาคตใหม่จะใช้เวลาที่เหลือให้เต็มที่ที่สุด ส่วนกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐนั้น ตนรู้สึกงงว่า สุดท้ายแล้ว พล.อ.ประยุทธ์เป็นอะไรกันแน่

“บางวันบอกเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ บางวันเป็นเจ้าหน้าที่รัฐชั่วคราว ที่แน่ๆ ผมคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์คือเจ้าหน้าที่รัฐที่ยึดอำนาจมาจากประชาชน กรณีดังกล่าวทำให้เกิดข้อสังเกตถึงการตีความ และการบังคับใช้กฎหมาย ที่เห็นได้ชัดว่าแตกต่างกัน ไม่เท่าเทียมกัน นี่คือการเมืองแบบเก่า อยากให้เลิกเล่นการเมืองแบบนี้ ที่ไม่มีหลักกฎหมาย หลักความยุติธรรมเสียที” นายธนาธรกล่าว

เมื่อถามว่า อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ประกาศเทคะแนนให้พรรคอนาคตใหม่ ตอนนี้มีเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะไม่ได้มีการพูดคุยให้เทคะแนน พรรคอนาคตใหม่มีความเป็นอิสระ ซึ่งเมื่อพรรค ทษช.ถูกยุบ สมาชิกก็มีฐานะเป็นประชาชนทั่วไป ย่อมสามารถรณรงค์หาเสียงให้พรรคอื่นหรือโหวตโนก็ได้ อนาคตใหม่ห้าม ทษช.หนุนพรรคอื่นไม่ได้ และก็ห้าม ทษช.หนุนอนาคตใหม่ไม่ได้เช่นกัน ไม่ว่าอดีตผู้สมัคร ทษช.หรือประชาชนทั่วไปคนไหนที่เชียร์เรา ตนก็ขอขอบคุณทุกคน

เมื่อถามถึงการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 17 มีนาคมนี้ นายธนาธรกล่าวว่า คนมีความรู้สึกเคลือบแคลงสงสัยถึงความโปร่งใสในการเลือกตั้ง ซึ่งเกิดจากการทำงานที่ไม่เป็นมืออาชีพของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยเห็นได้จากการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ที่มีทั้งปัญหาคูหาเลือกตั้ง ข้อมูลในเอกสารแนะนำผู้สมัครส.ส.มีความผิดพลาด ซึ่งสังคมไทยต่างอยากเห็นการเลือกตั้งที่โปร่งใส เท่าเทียมกันทุกฝ่าย จึงขอเรียกร้องให้กกต.ทำหน้าที่อย่างมืออาชีพ เพราะกกต.ถือเป็นองค์กรสำคัญมากในระยะเปลี่ยนผ่านจากเผด็จการสู่ระบอบประชาธิปไตย

 

ที่มา : มติชนออนไลน์