“บิ๊กตู่” เเจงปม “ปู” หนี ยันฝ่ายความมั่นคงไม่ได้ช่วย ขอใจเย็น ไม่นานรู้เส้นทางเผ่นออกนอกประเทศ

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 29 สิงหาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไม่มาฟังคำพิพากษาศาล คดีโครงการรับจำนำข้าว เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา เเละมีกระเเสข่าวว่าได้หลบหนีเดินทางออกนอกประเทศเเล้ว

โดยตอบคำถามถึงกรณีฝ่ายความมั่นคงกลายเป็นจำเลยของสังคมว่า ตนเสียใจ แต่ต้องไม่ลืมว่าเรื่องต่างๆทั้งหมดที่ดำเนินการไป โดยรัฐบาลชุดนี้ได้นำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ฉะนั้นเรามุ่งหวังที่จะให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ในการพิจารณาในศาลต่างๆ แต่ฝ่ายความมั่นคงต้องกลายเป็นจำเลยของสังคม ทั้งที่อีกฝ่ายไม่มาฟังคำตัดสินตามนัดหมาย

“ผมก็เสียใจ จะเชื่อมั่นหรือไม่ลองคิดย้อนกลับ หลายสถานการณ์และหลายคดีความต่างๆ เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลนี้ ซึ่งให้ความสำคัญทุกกรณี แต่ปัญหาอยู่ที่ผู้ถูกกล่าวหา ก็มีหนีไปหลายคนเหมือนกัน ซึ่งเราจำเป็นต้องขอความร่วมมือไปยังต่างประเทศ แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะร่วมมือหรือไม่ และจะให้หรือไม่ โดยจะต้องร่วมมือกันต่อไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะกำหนดเวลาฝ่ายความมั่นคงหาคำตอบเกี่ยวกับเส้นทางการหายตัวไปของอดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ เพื่อคลี่คลายความสับสนของสังคมหรือไม่

นายกรัฐมนตรีตอบว่า ตอนนี้ยังไงก็ยังตอบไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาถ้าย้อนกลับไปดูใครจะไปไหนก็ตาม เราก็ออกคำสั่งมาตรา 44 ว่าจะต้องขออนุญาตคสช. แต่บรรดาสื่อและนักสิทธิมนุษยชน รวมถึงฝ่ายการเมืองบอกว่าเป็นการละเมิด ตนก็เลยยกเลิกคำสั่งดังกล่าวไปแล้ว ฉะนั้นก็ไม่ต้องมาขอตน จึงขอให้เข้าใจตรงนี้ และระหว่างที่การตัดสินยังไม่เกิด ยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ศาลมีข้อตกลงกับผู้ที่ถูกกล่าวหา ให้ยื่นเงินประกันตัวจำนวน 30 ล้านบาท ว่าจะไม่หนีออกต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้ก็ถูกยึดเงินประกันไปแล้ว ตรงนี้เป็นเรื่องของศาล

“ส่วนเส้นทางการหายตัว ผมได้สั่งการไปหลายวันแล้ว แต่การดำเนินการต้องเช็คหลายทาง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประเด็นของผมได้ให้สอบถาม และผมก็รอคำตอบอย่างเป็นทางการอีกครั้ง และยังไม่ทราบว่าเขาจะตอบมาอย่างไร ในเรื่องการเข้าออก ไปขึ้นเครื่องบินที่ไหน ไปอย่างไร ตอนนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการทั้งหมด ขึ้นอยู่กับต่างประเทศทั้งต้นทางและปลายทาง เขาจะตอบเรามาว่าอย่างไร อันนี้กระทรวงการต่างประเทศกำลังประสานอยู่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มองกันว่าที่ผ่านมาฝ่ายความมั่นคงได้เกาะติดความเคลื่อนไหวของน.ส.ยิ่งลักษณ์มาโดยตลอดนั้น ตนได้เรียนแล้วว่าที่ผ่านมาการติดตามน.ส.ยิ่งลักษณ์ มีความวุ่นวายสับสนอลหม่านทุกแห่ง กลายเป็นว่าเราไปรังแกเขา ตนก็สั่งให้ฝ่ายความมั่นคงถอยออกมาสักหน่อย แต่ให้มีจุดเฝ้าตรวจอยู่หน้าบ้าน เพื่อดูการออกนอกบ้านและกลับเข้าบ้าน เมื่อออกนอกบ้านไปแล้วรู้หรือไม่ว่าการตามคนคนหนึ่ง ต้องใช้คนจำนวนเท่าไร ซึ่งเขาก็ตามทุกที่ รถไม่รู้กี่คัน ทีมไม่รู้กี่ทีม ออกไปไหนทั้งวัน หมดคนไป 20-30 คน รถไม่รู้กี่คัน แต่ในเมื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ยังไม่เป็นผู้ต้องหา มันทำได้ขนาดนั้นหรือไม่ ต้องเข้าใจเหตุผลตรงนี้ด้วย

“ที่ผมพูดมาทั้งหมดไม่ใช่การแก้ตัว แต่อยากให้ทุกคนมีหลักคิดที่ถูกต้อง เดี๋ยวคงน่าจะรู้ว่าออกไปอย่างไร มีใครช่วยหรือเปล่า แต่ยืนยันว่าคสช.ไม่ใช่ ไม่มีทาง หรือฝ่ายความมั่นคงก็ไม่มีทาง เว้นแต่ไอ้คนชั่วบางคน ถ้ามีการปล่อยปะละเลยหรือได้รับผลประโยชน์ ก็ต้องหากันจนเจอ รัฐบาลนี้ไม่ว่าจะปล่อยใครหรือช่วยใครวันหน้าจะไม่มีใครรู้หรือ แล้วถ้าวันหน้าเขากลับมาพูดกับพวกเราอีกทีว่าไปครั้งนี้เพราะนายกฯช่วยเขา ผมจะไม่ระวังตัวผมหรือ และคิดว่ามันจะไม่เป็นความลับหรือ ใครช่วยใคร ต้องคิดแบบนี้สิ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า การหนีคดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์จะกลายเป็นบรรทัดฐานหรือไม่ ที่นักการเมืองและคนรวย รู้ว่าไม่รอดคดีแล้วก็หนีออกนอกประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มาตรฐานนี้ก็จะเป็นมาตรฐานที่ให้คนกระทำความผิด ฉะนั้นเราต้องบอกสังคม ถ้าเป็นคนที่เรารัก เชื่อมั่น ศรัทธา และเป็นแบบนี้สังคมจะว่าอย่างไร ต้องคิดอย่างนั้น ถ้าคิดว่าคนที่ทำความผิดแล้วหลบเลี่ยงหนีออกนอกประเทศกลายเป็นลองกัน คนที่ทำก็จะเดือดร้อน แต่เดี่ยวต้องหาให้ได้ ตนคิดว่าไม่เกินความสามารถ แต่ต้องขอเวลานิดนึง เพราะเกี่ยวพันกับต่างประเทศด้วย ข้อสำคัญไม่อยากให้พูดจากล่าวให้ร้ายกันไปก่อน อย่างที่วิจารณ์กันตามสื่อโซเชี่ยลต่างๆ ว่าไปประเทศโน้น ประเทศนี้ เดี๋ยวก็จะมีปัญหาอีก เรากำลังเดินหน้าอยู่ อย่าเอาทุกเรื่องมาปนกัน เดี๋ยวความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะเสียหายอีก

เมื่อถามว่า เชื่อมั่นว่าจะนำตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์กลับมาเข้าสู่กระบวนการตัดสินได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่างที่บอกถ้าไปต่างประเทศก็ต้องขอความร่วมมือในการส่งตัว ท่านแรกยังกลับไม่ได้เลย เพราะท่านก็เคลื่อนไหวของท่านไปเรื่อย เป็นเคสเดียวกับทายาทกระทิงแดง อันนั้นขอตำรวจสากลไป 170 ประเทศ ยังเอากลับมาไม่ได้เลย แต่ตนยืนยันว่าต้องลงโทษให้ได้ ก็ต้องหาวิธีการทางกฎหมายให้ได้

เมื่อถามว่า ได้ประเมินหรือไม่ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะเงียบไปหรือจะเคลื่อนไหวดิสเครดิตรัฐบาลผ่านโซเชี่ยลมีเดีย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปตามน.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่หากเคลื่อนไหวคิดว่าไม่เป็นการสมควร ในเมื่อท่านกระทำความผิด และความผิดของท่านมีอันเดียวคือการหลีกเลี่ยงการไปศาล และถูกยึดเงินประกัน ในเรื่องคดีที่อยู่ในกระบวนการ ยังไม่ได้ตัดสินเลย ก็ต้องรอเดือนกันยายน ผลจะออกมาอย่างไร จะถูกหรือผิดยังไม่รู้ กระบวนการยุติธรรมเป็นอย่างนั้น

“การเคลื่อนไหวในต่างแดน วันนี้อย่าไปขยายความกันมากนักเลย ตอนนี้หาให้ได้ก่อน ออกทางไหน ถ้าออกไปช่องทางที่เจ้าหน้าที่รู้เห็น ทุกคนที่เกี่ยวข้องผมจะโทษทั้งหมด ที่ผ่านมามันก็หนีกันแบบนี้ ไปเคลื่อนไหวตั้งโน้นตั้งนี่ จัดรายการวิทยุ สถานีเถื่อนตามประเทศเพื่อนบ้าน มันก็ไปแบบนี้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า เตรียมมาตรการตัดเส้นทางการเคลื่อนไหวในประเทศต่างๆของน.ส.ยิ่งลักษณ์หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องขอความร่วมมือกับต่างประเทศ ประเด็นที่เราพูดกันมาเสมอใน 3 ปี เป็นเรื่องสิทธิมนุษยชน การไม่ได้รับความเป็นธรรม รัฐบาลไม่มีประชาธิปไตย นี่คือสิ่งที่เราทำไปแล้ว มันทำให้เกิดผลเสีย ซึ่งต่างประเทศเขามองว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ ทั้งที่เป็นกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย นี่คือสิ่งที่อยากฝากพวกเราทุกคนช่วยกันคิด ถ้าเราขยายความสองข้างไปมา กระบวนการยุติธรรมเราก็จะเสียหายไปด้วย

“จริงๆ แล้วกระบวนการยุติธรรมเขาดำเนินการจนมาสู่การพิจารณาคดี และจะมีการตัดสิน จนทำให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มาฟังคำตัดสิน แต่ถ้าเราไปบอกว่ารัฐบาลนี้มาไม่ถูกต้องอะไรต่างๆ มันก็จบหมด ผมพยายามทำให้ถูกต้อง แม้ว่าผมจะมาไม่ถูก ซึ่งผมก็รับผิดชอบตัวผมเองอยู่ นึกถึงผมบ้าง จึงอยู่ที่พวกเรา ขณะเดียวกันผมก็ทำเรื่องอื่นด้วย ไม่ใช่เอาเรื่องนี้มา แล้วมองว่าคสช.ล้มเหลว ความมั่นคงล้มเหลวทั้งหมด คิดแบบนี้มันไม่ถูก ถือเป็นหลักคิดที่ไม่ถูกต้อง มันมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นตั้งหลายอย่าง คนกระทำความผิดเกิดขึ้นหลายเรื่อง ถ้าเขาไม่ทำแล้วจะหนีคดีกันหรือไม่ ที่ผ่านมาถ้าเขาไม่ทำอะไรเขาก็ไม่หนี แต่หลายคนก็หนีออกนอกประเทศ ก็เป็นขั้นตอนต่อไปที่จะเอาเขากลับมาอย่างไร ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ได้รับรายงานการขอลี้ภัยของน.ส.ยิ่งลักษณ์หรือไม่ และคิดว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะสามารถของลี้ภัยได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องลี้ภัยอย่าเพิ่งไปพูดเลย แล้วน.ส.ยิ่งลักษณ์จะขอลี้ภัยเรื่องอะไร ตอนนี้เขาหนีประกันศาลออกไป เป็นเรื่องเดียว เรื่องคดียังไม่ตัดสินเลย จะไปลี้ภัยได้หรือเปล่า ตนไม่รู้เหมือนกัน ไม่น่าจะได้หรอก ส่วนสถานการณ์ความสงบในประเทศอยู่ที่ประชาชนทุกคนน่าจะเรียนรู้และเข้าใจ ถ้าเอาหลายอย่างมาปะปน ไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูป การออกกฎหมาย การพิจารณาคดี การหนีศาล การเมือง มาตีเละกันไปหมด มันก็จะทำให้ความสงบลดลง ดังนั้นต้องถามว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการอย่างไร ตนไม่อยากให้กล่าวให้ร้ายกันต่อไป ท้ายที่สุดกระบวนการยุติธรรมก็มีปัญหา

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ที่การหายตัวไปของน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ซ้ำรอยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมยอมรับว่ากังวล ซึ่งทุกคนก็กังวลหมด เจ้าหน้าที่ทุกคนกังวล เพราะประชาชนยังให้ความสำคัญกับคนเหล่านี้มาก แต่ก็ต้องว่ากันในกระบวนการยุติธรรม ถ้าหนีก็เป็นผู้ร้ายหนีคดี ก็ต้องลดการให้เกียรติลงไป ผมก็ให้เกียรติท่านมาตลอด และยังเชื่อมั่นว่าท่านอยู่ในวันนั้น และวันนี้การติดตามอะไรต่างๆ เราก็เฝ้าหน้าบ้าน ไปดูที่หมาย เย็นก็กลับเข้าบ้านก็แค่นั้น เมื่อไม่เข้าบ้านแว๊บไปไหนเราก็ดูอีกที วันที่ 23 ส.ค.ยังเห็นอยู่ และยังใช้โทรศัพท์อยู่ที่บ้าน แต่พอวันที่ 24 ส.ค. หายไป ซึ่งก็ออกจากบ้านตามปกติ และท่านก็ออกมาตลอดทุกวัน ก็เดี๋ยวไปตาม เดี๋ยวมันต้องได้ ทางตำรวจก็ชี้แจงไปแล้ว ยังไงก็ต้องหาให้ได้ว่าไปอย่างไร ถ้าตัดสินคดีในวันที่ 27 กันยายน จะผิดหรือจะถูกค่อยว่ากัน จะกลายเป็นเหมือนกับอดีตนายกฯอีกท่าน ก็ไปว่ากัน ก็ลำบากพอสมควร เมื่อออกไปแล้ว”

เมื่อถามว่า หากน.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องรับผิดชอบเป็นการส่วนตัวทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งต่อโครงการจำนำข้าว นายกฯคิดว่ารัฐบาลจะต้องชดใช้บริษัท คิงส์เกต ผู้ประกอบการเหมืองแร่ประเทศออสเตเลียเป็นการส่วนตัวด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การที่เอารัฐบาลนี้และตัวตนมาเปรียบเทียบกับเรื่องนโยบายจำนำข้าว โยงไปถึงการชดใช้บริษัท คิงส์เกต กรณีเหมืองอัครามันเรื่องเดียวกันหรือไม่ อย่าลืมว่าเหมืองอัครารัฐบาลนี้โดยคสช.ทำเพราะมีการร้องเรียนจากประชาชน ที่ร้องเรียนเรื่องคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม รัฐบาลจึงจำเป็นต้องหยุดการทำงาน แต่ไม่ได้หมายความให้เขาเลิก เพียงแต่หยุดต่อใบอนุญาตไปก่อน เพื่อตรวจสอบให้ชัดเจน ฉะนั้นหากเราทำเพื่อประชาชนมันควรเสี่ยงหรือไม่ ตนต้องคำนึงถึงประชาชนหรือไม่ ในขณะที่บริษัทเขาเองก็มีทางสู้ ซึ่งตนไม่ได้ประโยชน์จากการเปิดหรือปิดอะไรเลย และเหมืองนี้เกิดมาก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามา ในชั้นป.ป.ช.ก็มีเรื่องนี้อยู่ ทั้งเรื่องภาษีการเงินกับบริษัทเหมือนแร่นี้

“อยากบอกว่ารัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับประชาชนมากกว่า จะได้หรือเสียเงินก็ไปว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็เหมือนกันอีกหลายคดี ถ้าเราไม่ทำให้เกิดความชัดเจน ก็จะเดินขบวนเรียกร้องกันอยู่นั้น นี่คิดสิ่งที่ตนพยายามทำตามคำเรียกร้อง แต่พอทำแล้วเกิดปัญหา ก็ให้รัฐบาลรับผิดชอบ มันคนละเรื่องกับจำนำข้าว ที่เป็นเรื่องการทุจริต แยกแยะให้ออก ตอนนี้ยังไม่เรียกร้องอะไรอยู่ในขั้นตอนการเจรจา ถ้าพูดเรื่องกฎหมายของตนที่ใช้มาตรา 44 ในประเทศนี้ ผมไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น ผมทำได้หมด ส่วนกฎหมายอนุญาโตตุลาการ กฎหมายระหว่างประเทศ ก็ต้องสู้คดีกันไป แต่เมื่อผมใช้มาตรา 44 ผมไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น เพราะคุ้มครองผม แต่ประเด็นนี้มันเป็นเรื่องของต่างชาติด้วย แยกแยะหน่อยผมทำเพื่อใคร การนำคดีมาเทียบกันแบบนี้เท่ากับไม่ให้ความเป็นธรรมกับผมเลย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

เมื่อถามว่า ขณะนี้ได้ประสานงานเพื่อตามหาตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ไปยังประเทศใดบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นประเทศรอบบ้าน และประเทศปลายทาง ถามทุกประเทศ ไปสิงคโปร์ ยูเออี ตนถามหมด เมื่อถามว่า ได้สอบถามไปยังประเทศอังกฤษด้วยหรือไม่ เพราะมีข่าวน.ส.ยิ่งลักษณ์จะขอลี้ภัย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มันเกี่ยวอะไรกับประเทศอังกฤษ ตนพูดไปแล้วจะขอลี้ภัยได้หรือไม่ และจะขอลี้ภัยเรื่องอะไร ภัยการหนีรับฟังการพิจารณาคดีนั่นคือภัยหรือ ใครจะให้เขาตนก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร มันคนละเรื่องกัน การประสานงานกับต่างประเทศเป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ ที่จะใช้ช่องทางทางการทูต พร้อมกันนี้ต้องเช็คด่านตรวจคนเข้าเมืองตามชายแดน ศุลกากร ทุกคนต้องยืนยันมาด้วยหลักฐาน ไม่ใช่ปากเปล่า และต้องเช็ควิทยุการบิน ท่าอากาศยาน ถ้าเป็นในประเทศเราเช็คได้หมด แต่ถ้าต่างประเทศเราจะได้ข้อมูลอย่างไรยังไม่รู้เหมือนกัน


“วันนี้อย่ายกความรับผิดชอบทั้งหมดให้ผม เพราะผมหนักอก เข้าใจหรือไม่ ถ้าท่านเป็นผม ท่านจะรู้ว่าท่านทำไม่ได้หรอก จะช่วยใครผมก็ช่วยไม่ได้ เข้าใจหรือยัง อย่าเอาเรื่องนี้ไปพันกับเรื่องโน้น และวันนี้เห็นมีการนำคลิปอะไรของผมไปออกกันเต็มไปหมด มันคนละเวลา คนละเรื่อง ตอนนั้นผมเป็นลูกน้อง ผู้ใต้บังคับบัญชา ผมเคารพทุกคน น.ส.ยิ่งลักษณ์ออกไปเส้นทางไหนมันปิดกันไม่มิดหรอก เดี๋ยวก็หาเจอกันได้ใจเย็นๆ อย่าให้อย่างอื่นมันพังไปด้วย ตนขอร้อง อย่าให้สิ่งที่ผมพยายามทำมา 3 ปี มันล่มสลายไปด้วยคนคนเดียว ผมขอแค่นี้ได้ไหม เข้าใจหรือยัง ถ้าท่านเชื่อมั่นผมอยู่ ผมก็จะทำให้ ซึ่งผมไม่ยอมให้สิ่งที่ทำมาล่มสลาย แล้วสื่อจะยอมเหรอ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว