เลขาฯกกต.สั่งสอบเอกสารลับกองทัพสั่ง “ไอโอ” ชี้ข้าราชการต้องเป็นกลาง

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 20 มีนาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นประธานการสัมมนาบทบาทของข้าราชการตำรวจในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยมี พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง (ผอ.ศลต.ตร.) พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้องจากกองบัญชการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจภาค 1-9 (ภ.1-9) กองบัญชาการตำรวจสันติบาล (บช.ส.) สำนักงานตรวจคนเช้าเมือง (สตม.) และเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติจากทุกจังหวัดเข้าร่วมประชุม 255 นาย

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า ได้ประชุมร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะเรื่องการรักษาความปลอดภัย รวมถึงการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการมาใช้สิทธิเลือกตั้งให้กับเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการแต่ละภาคแต่ละจังหวัดจำนวน 255 นาย ส่วนใหญ่เป็นหัวหน้าศูนย์รักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้งทั่วประเทศในวันที่ 24 มีนาคมนี้ นอกจากนี้ยังรวมถึงเรื่องการรับแจ้งการทุจริตการเลือกตั้ง ส่วนวันเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ภาพรวมเรียบร้อยแม้จะแม้รถติดบ้าง แต่ก็เรียบร้อยสามารถปิดหน่วยเลือกตั้งได้ถึงแม้จะเกินเวลา 17.00 น.ไปบ้าง แต่ผู้มาใช้สิทธิส่วนใหญ่เข้ามาอยู่ในเขตเลือกตั้งแล้วสามารถใช้สิทธิเลือกตั้งได้จนเสร็จสิ้นตามระเบียบของ กกต.

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า ในภาพรวมของ กกต.ที่มีข้อบกพร่องการแจกบัตรผิดขอน้อมรับผิด เนื่องจากบัตรมีถึง 350 แบบ 350 ใบที่ต้องแจกจ่ายไปจึงมีผิดบ้าง ในส่วนนี้ กกต.กำลังตรวจสอบอยู่ว่าเป็นเหตุให้การเลือกตั้งไม่สุจริตหรือไม่ ส่วนกรณีที่ จ.สมุทรสาคร ที่มีแม่ค้ากาบัตรคนเดียว 17 ใบนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการไปส่วนหนึ่ง ส่วน กกต.ก็เข้าไปตรวจสอบด้วยว่ามีเจตนาอะไรน่าจะทราบผลในเร็วๆ นี้ และการร้องเรียนทุจริตใน 3 จังหวัด ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่หากประชาชนมีหลักฐาน ก็ขอให้เก็บหลักฐาน เข้าร้อง กกต. ทั้งนี้กรณีข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ทางโซเชียลนั้น ก็ขอให้โพสต์ความจริงเมื่อมีคนแจ้งมาเราก็ส่งคนไปตรวจสอบส่วนข้อบกพร่องน้อมรับความผิดและนำไปแก้ไข ในวันที่ 24 มีนาคมที่จะถึงนี้ บัตรเลือกตั้งของเขตไหนก็อยู่ในหน่วยเลือกตั้งนั้นจะไม่เหมือนวันเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต เรื่องบัตรเลือกตั้งเขตไหนเขตนั้น เน้นย้ำไปแล้วกรรมการหน่วยเลือกตั้งต้องตรวจสอบว่าคนที่มาใช้สิทธิจริงหรือไม่ด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ออกมาเปิดเผยว่าการเลือกตั้งมีการซื้อสิทธิถึงหัวละ 1,000 บาท กังวลใจหรือไม่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า ฝากไปยังประชาชนการเลือกตั้งจริงๆ แล้วทุกคนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบทำให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม หากมีข้อมูลเก็บหลักฐานไว้หรือนำมาร้องเรียนกับ กกต.หรือตำรวจ ทุกคนต้องช่วยกัน เราไม่อยากให้การทุจริตเลือกตั้งมาเป็นจุดตำหนิเหมือนการเลือกตั้งที่ผ่านมาอีกแล้ว อีกอย่างเราคงไม่ยอมให้ผู้สมัคร ส.ส.ที่ทำการทุจริตเข้าไปนั่งในสภาฯแน่นอน ทางเจ้าหน้าที่ทำงานเต็มที่อยู่แล้ว แต่ต้องขอความร่วมมือกับประชาชนว่าต้องไม่ยอมให้มีการทุจริตเด็ดขาด

ส่วนกรณีที่มีเอกสารลับที่สุดของกองทัพให้ทหารหน่วยต่างๆ ทำไอโอ หรือปฏิบัติการข่าวสาร เลือกพรรคการเมืองพรรคหนึ่งนั้น เลขาฯกกต.กล่าวว่า ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วถึงแม้ยังไม่มีคนร้องมา เมื่อเอกสารปรากฏก็ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย เข้าใจว่าทางกองทัพบกก็คงตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่เช่นเดียวกัน ข้าราชการต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมืองตามมติคณะรัฐมนตรี

“เชื่อว่าตำรวจพร้อมร้อยเปอร์เซ็นในการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร โดยวันนี้ จะมีการเน้นย้ำการปฏิบัติงานของตำรวจประจำหน่วยเลือกตั้ง ในการรักษาความปลอดภัย และการรับแจ้งเหตุทุจริตการเลือกตั้ง พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้จะมีการฟ้องดำเนินคดีอาญากับผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ กกต. เพียงแต่ขอให้ระมัดระวังการโพสต์ข้อมูลใด ๆ ผ่านโซเชียลมีเดีย ขอให้เป็นข้อเท็จจริง ไม่มีการใส่ร้าย หรือบิดเบือนข้อมูล แต่ยอมรับข้อบกพร่องของเจ้าหน้าที่ กกต. ประจำหน่วย ที่เกิดขึ้นในวันการเลือกตั้งล่วงหน้า ทั้งการแจกบัตรลงคะแนนผิด และอื่นๆ ซึ่งจะต้องมีการอบรมเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม โดยอยู่ระหว่างตรวจสอบว่า ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น จะทำให้การเลือกตั้งสมบูรณ์หรือไม่”

Advertisment

ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า ได้เน้นย้ำให้ตำรวจทุกหน่วยเฝ้าระวังการซื้อสิทธิขายเสียง ใส่ร้ายผู้อื่น และแจ้งความเท็จจริง เนื่องจากเป็นคดีอาญา แต่ในส่วนของตำรวจยังไม่ได้รับแจ้งจากทาง กกต.ในเรื่องของให้ดำเนินคดี อีกทั้งในส่วนของการถ่ายรูปบัตรเลือกตั้งโพสต์ลงสื่อโซเชียล หากมีการกระทำความผิดหรือถูกดำเนินคดี ก็จะมีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท จำคุก ไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ทาง กกต.ได้มีการขอเพิ่มกำลังตำรวจทั่วประเทศ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ จ.พัทลุง, จ.สตูล ที่เกิดเหตุระเบิดขึ้น และยืนยันว่าจากการข่าวยังไม่พบการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติในพื้นที่หัวเมืองชั้นในแต่อย่างใด

 

Advertisment

ที่มา : มติชนออนไลน์