“เพื่อไทย” ปราศรัยใหญ่ปลุกโหวตเตอร์ 24 มีนา กา พท. ให้ “บิ๊กตู่” โกโฮม

ที่สนามกีฬาเวศน์ 2 ศูนย์เยาวชนไทย – ญี่ปุ่นดินแดง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้จัดปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง 24 มี.ค. โดยมีกองเชียร์และหัวคะแนนแต่ละเขตทยอยเดินทางมาตั้งแต่เวลา 12.00 น. ทั้งนี้ นายวัฒนา เมืองสุข ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางแค กล่าวตอนหนึ่งว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเลือกตามยุทธศาสตร์ เขตไหนมีผู้สมัครพรรคเพื่อไทยต้องเลือกเพื่อไทยให้ถล่มทลาย เพราะ ส.ส.เขตจะชนะเลือกตั้งที่ 8 หมื่นคะแนน ถ้าไปเลือกฝ่ายประชาธิปไตยด้วยกัน 1 หมื่นคะแนน เพื่อไทยอาจแพ้ทันที ถ้าแบ่งให้พรรคฝ่ายประชาธิปไตยในเขตที่มีพรรคเพื่อไทย 8 เขต รวม 8 หมื่นคะแนน ผู้สมัครเพื่อไทยก็จะหายไป 8 คน จึงไม่คุ้ม ดังนั้น ควรเลือกพรรคฝ่ายประชาธิปไตย เฉพาะเขตที่ไม่มีพรรคเพื่อไทย

ต่อมา นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวว่า เพื่อไทยในปี 2554 เสนอตัวเข้ารับการเลือกตั้ง เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส เพื่อไทยทำได้ทุกประการ ให้สินค้าเกษตรอยู่ในระดับที่ดีทุกรายการ ไม่มีปัญหาการตกงาน แม้เผชิญอุทกภัยครั้งใหญ่ สามารถพลิกฟื้นความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ทำให้เศรษฐกิจดี

รัฐบาลปัจจุบันกล่าวอ้างว่า ศก.กำลังดีวันดีคืน แต่ตนเห็นว่ากำลังเลวร้ายเข้าขั้นวิกฤต กำลังซื้อหดหายประชาชนที่เป็นเกษตรกร อุตสาหกรรม บริการ ต่างอยู่ในภาวะทุกทรมานจากภาวะรวยกระจุกจนกระจาย ดังนั้น การเสนอตัวกลับมาในครั้งนี้ ให้เพื่อไทยพลกฟื้น ศก. ขยายความจากเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส เป็นปรับหนี้ เติมเงิน ลดภาษี สร้างเศรษฐีใหม่ ย่อมมีความสามารถที่ทำได้ตามที่ประกาศไว้ทุกครั้ง สินค้าเกษตรหลักทุกตัว เกษตรกรจะต้องขายได้ในราคาที่เหมาะสมและมีกำไร การส่งเสริมนักท่องเที่ยวและการบริการอยู่ในสภาพที่ดีขึ้น ไม่จำเป็นต้องเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เหมือนที่เคยเป็น เพราะพรรคเต็มไปด้วยความสามารถ มั่นใจว่าจะนำเศรษฐกิจที่ดีกลับคืนมาได้” นายกิตติรัตน์ กล่าว

ด้านนายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวตอนหนึ่งว่า หากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล 3 เดือนจะทำให้หมอกควันหายไป จะผลักดันให้ใช้น้ำมัน B100 ซึ่งจะทำให้ราคาปาล์มดีขึ้นอีกด้วย ส่วนรถเก่าก็ต้องนำมาซ่อม รัฐไม่ได้ใจดี แต่ถ้าคุ้มก็ยอมลงทุน

อย่างไรก็ตาม ที่นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคปลังประชารัฐ บอกว่า ไม่จำเป็นต้องได้เสียงเป็นที่ 1 แค่เป็นพรรคที่รวบรวมเสียงตั้งรัฐบาลให้ได้มากที่สุดก็พอแล้ว นี่คือกติกาอะไร ไม่มี กติกาอย่างนี้ ตั้งใจซื้อเสียง ใช้ไม่ได้ เราในพรรคเพื่อไทยตั้งใจอย่างยิ่งที่จะเป็นรัฐบาล เพราะเห็นว่าที่ผ่านมามีแต่ความยากจน แร้นแค้นหมดหวัง จะให้ประชาชนอยู่อย่างนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ 24 มี.ค.เบอร์ไม่ต้องสนใจ กาให้ได้ 20 ล้านเสียง ได้ ส.ส. 251 คนก็พอแล้ว เป็นรัฐบาลแน่นอน ให้ พล.อ.ประยุทธ์ โกโฮม

นายโภคิน พลกุล ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวว่า ทุกเขตที่เพื่อไทยส่งผู้สมัคร ต้องกาให้เพื่อไทย อย่างเดียวแม้จะมีพรรคโซนประชาธิปไตยก็ตาม ไม่เช่นนั้นจะเป็นคะแนนเบี้ยหัวแตกและเผด็จการจะเอาไป เว้นแต่เขตไหนไม่มีเพื่อไทยค่อยลงพรรคโซนประชาธิปไตย ที่นายอุตตม เป็นการเอาเปรียบ วันนี้เราต้องยืนยันหลักการว่า ถ้าพรรคไหนได้เสียงข้างมากก็ต้องให้จัดตั้งรัฐบาลก่อน ซึ่งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์เคยบอกว่า แม้พรรคอันดับหนึ่งชนะแค่ 2 เสียง ก็ต้องจัดตั้งรัฐบาลก่อน เราต้องยืนยันหลักการนั้น ถ้าเราทำไม่ได้ยินดีเป็นฝ่ายค้าน สู้จนกว่าประชาธิปไตยจนกว่าจะชนะ เราปรับปรุงระบบราชการได้เอาเทคโนโลยีมาใช้ ต่อไปนี้ต้องลดอำนาจ ขั้นตอน กฎเกณฑ์ ใบอนุมัติไป ถ้าทำอย่างนี้ได้ 2 ขั้นไป แล้วมาเสริมด้วยเอกชน และกระจายอำนาจ

ด้านนายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันนี้เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 60 ปี ได้ 600 บาท 70 ปี ได้ 700 บาท แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลจะเพิ่มให้ อายุ 60 ปี รับเบี้ยผู้สูงอายุ 1,000 บาท