นักข่าว ‘ทีนิวส์’ ลาออกแล้ว หลังกล่าวหา ‘อนาคตใหม่’ ล้มสถาบัน ด้าน ‘ธนาธร’ เล็งถอนฟ้อง

ทีมประชาสัมพันธ์พรรคอนาคตใหม่​ เปิดเผยว่า​ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม นายเอกชัย เรืองฉาย ผู้เรียบเรียงข่าวกรณีสำนักข่าวทีนิวส์ลงบทความของ ม.จ.จุลเจิม ยุคล กล่าวหาพรรคอนาคตใหม่ล้มสถาบัน ต่อมา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และพรรคอนาคตใหม่ จึงเป็นโจทก์ฟ้องร้องสำนักข่าวทีนิวส์ คดีอาญาตามความผิดในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 และ 328 รวมทั้งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มาตรา 273(5) คดีหมายเลขดำที่ อ.640/2562 เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2562 นั้น ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุตอนหนึ่งว่า กระผม เอกชัย เรืองฉาย อายุ 26 ปี ตำแหน่ง รีไรท์เตอร์ อายุการทำงาน 6 เดือน จำเลยคดีหมายเลขดำ อ.640/2562 ทุกตัวอักษรที่ร้อยเรียงขึ้นในจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้ ขอให้ถือเสมือนว่าเป็นคำแถลงและข้อชี้แจงต่อจุดยืนทางการเมืองของข้าพเจ้า นายเอกชัย เรืองฉาย หาได้เกี่ยวข้องหรือเป็นในนามองค์กรใดทั้งสิ้น

นายเอกชัยได้เล่าถึงเรื่องราวของตน โดยระบุ ประวัติการศึกษาและการทำงานของตน เล่าถึงข้อจำกัดหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน ประสบการณ์ซึ่งหลายองค์กรที่ต้องการอย่างน้อย 1 ปี มีเพียงที่สำนักข่าวทีนิวส์ที่ ยินดีรับนักศึกษาจบใหม่จึงได้มาร่วมงาน แม้ไม่ตรงความคิดจุดยืน อุดมการณ์ของตนเอง แต่เห็นว่าสังกัดทีมข่าวสังคม ไม่ใช่การเมือง อย่างไรก็ตามเมื่อบทความชิ้นหนึ่งที่เขียนเรื่องประวัติศาสตร์การเมืองเข้าตาระดับผู้บริหาร แต่ด้วยประเด็นที่นำเสนอขัดกับจุดยืนทางการเมืองขององค์กร ถูกสั่งให้แก้ไข และมีผลตามมาคือ ถูกดึงไปสังกัดทีมการเมือง โดยที่มุมข่าวและรูปแบบการทำงานของทีมการเมืองต่างจากทีมอื่นอย่างสิ้นเชิง

“ธงข่าวจะถูกกำหนดโดยผู้บริหาร ทุกเช้าจะมีการบรีฟประเด็นประจำวันให้สมาชิกทีมรับผิดชอบ โดยที่ไม่อาจแสดงความเห็นต่างให้ประเด็นกลายเป็นอื่น หากผิดเพี้ยนไปจากมุมที่องค์กรกำหนด นั่นหมายถึงการนำมาซึ่งปัญหากับผู้บริหารอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทั้งรูปแบบการทำงานและทัศนะทางการเมืองของตนที่ถูกกดทับและความเป็นอำนาจนิยม ทำให้ผมตัดสินใจส่งจดหมายสมัครงานในองค์กรอื่น พร้อมเตรียมสอบราชการเพื่อความมั่นคงในชีวิตภายภาคหน้าควบคู่ไปด้วย วันที่ผมนำข้อเขียนดังกล่าวที่เป็นปัญหามาเผยแพร่ต่อ ผมไม่ได้มีความคิดและเจตนาอันใดซับซ้อนมากไปกว่า ทำโควต้าข่าวประจำวันให้ครบตามมุมที่องค์กรกำหนด เพื่อที่ผมจะได้มีเวลาพักประจำวันนานขึ้น เพราะความเขลาต่อโลกของสื่อมวลชนที่ไม่ทราบแม้กระทั่งว่า การเผยแพร่หรือส่งต่อจะมีโทษรุนแรงในระดับใด ผลจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดในวันนั้น ทำให้ผมได้รับบทเรียนราคาแพงในชีวิต วันที่ปรากฏชื่อผมเองในข่าว” นายเอกชัย กล่าว

นายเอกชัย ระบุอีกตอนหนึ่งว่า วันนี้ผมถลำลึก แต่ก็เชื่ออย่างถึงที่สุดว่า ไม่สายเกินที่จะขอถอยออกจากที่แห่งนี้ โดยที่ไม่ขอทรยศต่ออุดมการณ์ของตนต่อไปอีก พร้อมขอรับผิดชอบด้วยการยุติบทบาทและหน้าที่ ด้วยการลาออก ความใฝ่ฝันในอนาคต จากอุดมการณ์ที่ผมขอถือร่วมในฐานะหนึ่งในผู้ฝักใฝ่และถวิลหาเสรีประชาธิปไตย หวังว่าลูกหลานของเราจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ได้แง่มุมเดียวกัน ดังที่ควรจะเป็นในสังคมอารยะที่ ไม่ควรเกิดมีความขัดแย้งขึ้นเพียงเพราะความเห็นต่าง รากของปัญหาที่แท้จริงอาจไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่าการตีความที่มาของระบอบประชาธิปไตยและเหตุการณ์ในอดีตที่ต่างกัน และ ไม่ว่าท้ายสุดแล้วเสียงของผม รวมถึงเรื่องราวทั้งหมดที่ถูกถ่ายทอด จะส่งถึงพี่เอก (ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ) หรือไม่ก็ตาม แต่ผมขอยืนยันในการสนับสนุนพรรคอนาคตใหม่อย่างไม่เปลี่ยนแปร “เชื่อว่ามันไม่มีหรอกความพร้อม ถ้าคุณรอให้คุณพร้อม คุณก็จะไม่ได้ทำอะไรเลย” ขอบคุณคำพูดของพี่เอก จากเพจ ‘อนาคตใหม่-อยุธยา’ ที่ทำให้ผมกล้าตัดสินใจ ลุกขึ้นมาถ่ายทอดเรื่องราวอันเป็นสัจจะ เป็นความจริง หาใช่ความเท็จที่ไม่ควรปรากฏมีขึ้นจากการถ่ายทอดผ่านสื่อ ในสังคมที่เป็นประชาธิปไตย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากทราบเรื่องดังกล่าว นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ โพสต์เฟซบุ๊กชื่นชมความกล้าหาญที่สื่อมวลชนแสดงจุดยืนต้องการเปลี่ยนประเทศไทย พร้อมยืนยันจะถอนฟ้อง โดยระบุ ตอนหนึ่งว่า อยากให้ทุกท่านลองเปิดใจและใช้เวลาอ่านข้อเขียนของท่านนี้ดู โดยส่วนตัวผมชื่นชมคนเช่นนี้มาก คนที่ “กล้า” เผชิญหน้ากับความไม่ถูกต้องด้วยความจริง คนที่กล้าลุกขึ้นมาพูดว่าสิ่งนี้ไม่เป็นธรรม คนที่เป็นผู้ “เริ่ม” สร้างความเปลี่ยนแปลง แม้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้มันจะเจ็บปวดหรือยากลำบากมากแค่ไหนก็ตาม เพราะหวังว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นจะทำให้สังคมนี้น่าอยู่ขึ้นได้

“ผมยืนยันว่า ผมไม่เคยคิดว่าสื่อมวลชนคนใดหรือสำนักไหนเป็นศัตรูกับเราเลย แม้ว่าผมจะโดนหลายสำนักโจมตีด้วยความเท็จหรืออคติก็ตาม เพราะผมเข้าใจดีว่าเงื่อนไขความจำเป็นของสื่อแต่ละคนแต่ละสำนักนั้นต่างกัน ช่วงหลายวันที่ผ่านมา ผมสังเกตเห็นคนทำงานวิชาชีพสื่อมวลชนได้ “กล้า” ลุกขึ้นมาพูดความในใจและความจริงเพิ่มมากขึ้นทีละคน ทีละคน ดังนั้น อย่างน้อยที่สุด ผมอยากขอให้ผู้ที่ทำงานวิชาชีพสื่อสารมวลชนเช่นท่านทั้งหลายนี้ มีความกล้าที่จะเริ่มสร้างความเปลี่ยนแปลงบ้าง ผมเชื่อโดยสนิทใจว่าสังคมเราจะดีขึ้นกว่านี้แน่นอน สุดท้าย ผมและพรรคอนาคตใหม่ตัดสินใจจะถอนฟ้องคดีที่เราฟ้องมือเขียนข่าวของทีนิวส์ท่านนี้” นายธนาธร ระบุ

นายธนาธร ระบุอีกว่า แน่นอนที่สุด การตัดสินใจเช่นนี้อาจขัดใจผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่บ้างไม่มากก็น้อย แต่ผมอยากให้ทุกท่าน “กล้า” เอาชนะความเท็จด้วยความจริง “กล้า” ให้อภัยผู้ที่เคยผิดพลาดและโอบรับพวกเขาไว้ด้วยความอารี “กล้า” บอกว่าเราพอแล้วกับความขัดแย้งเช่นนี้ และ “กล้า” ยืนยันในแนวทางจุดยืนอุดมการณ์ของพวกเรา ว่าเราจะเดินหน้าทำงานการเมืองด้วยความสร้างสรรค์ ด้วยความหวัง ด้วยความจริง และด้วยความฝันที่จะเห็นสังคมนี้ ประเทศนี้ ดีกว่าที่เป็นอยู่

นายธนาธร ระบุทิ้งท้ายว่า ส่วนคดีที่พรรคอนาคตใหม่และตนฟ้องร้องดำเนินคดีกับ ม.จ.จุลเจิม ยุคล ที่เขียนบทความต้นฉบับกล่าวหาโจทก์นั้น โจทก์ยังไม่ได้มีการถอนฟ้องแต่อย่างใด

ที่มา:มติชนออนไลน์