‘ธนาธร’ โพสต์แรง! เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ

เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2562  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวชื่อ “Thanathorn Juangroongruangkit – ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ข้อความว่า

ผมได้โพสต์ข้อความข้างล่างนี้ ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวของผม 4 ปีที่แล้ว ซึ่งก็คือวันที่ 28 มิถุนายน 2558 หรือ 4 วัน หลังจากเหตุการณ์ที่ทำให้ผมโดนข้อหา 116 ในวันนี้

หลังจากเหตุการณ์นั้น ผมถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนกลุ่มนักศึกษา ชักใยพวกเขาให้ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ผมจึงเขียนบทความนี้เพื่อชี้แจง 4 ปีผ่านมาสังคมไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ความมืดยังปกคลุมประเทศไทยอยู่ ข้อความที่ผมเขียนวันนั้นยังใช้ได้ทุกตัวอักษรจนถึงทุกวันนี้

ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีการกล่าวหาผมจากช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งมีเนื้อหาคล้อยตามไปในทิศทางเดียวกันว่า ผมอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของนักศึกษาต่อต้านเผด็จการในนามกลุ่มประชาธิปไตยใหม่

ถ้าเหตุเกิดลำพังเพียงโจมตีผมนั้น ผมคงไม่มีความประสงค์จะตอบโต้อันใด เนื่องด้วยการใส่ความอย่างมดเท็จนี้ ไม่ใช่เป็นครั้งแรก และหาได้ตั้งอยู่บนความเป็นจริงไม่ หากแต่ครั้งนี้การใส่ความผมกระทบกระเทือนถึงกลุ่มนักศึกษาที่กำลังถามหาประชาธิปไตย ด้วยการเผชิญหน้าอย่างกล้าหาญกับกลุ่มพลังอประชาธิปไตย ดังนั้น จึงไม่เป็นธรรมกับพวกเขาเท่าไหร่หากผมจะนิ่งเฉย

ผมขอชี้แจงสามข้อดังนี้ (1) ผมไม่เคยเข้าร่วม/มีส่วนรู้เห็น หรือก่อการใดๆในขบวนการเลย, (2) ผมไม่เคยข้องเกี่ยว หรือรับเงินจากคุณทักษิณเพื่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ และ (3) ผมไม่เคยยุ่งเกี่ยว/ชักจูงหรือมีอิทธิพลทางความคิดต่อกลุ่มนักศึกษาที่เคลื่อนไหวอยู่ในขณะนี้ใดๆ เลย การกระทำของพวกเขาล้วนมาจากเจตจำนงอันแน่วแน่ และเป็นอิสระของพวกเขาทั้งสิ้น

หากท่านใดมีหลักฐานเป็นอื่น ผมพร้อมเผชิญหน้าอย่างตรงไปตรงมา

ใช่ ผมอยู่ที่หน้า สน.ปทุมวันในช่วงเย็นของวันที่ 24 มิถุนายน จริง แต่ผมไปในฐานะที่ผมเชื่อว่าเป็นฐานะที่สำคัญที่สุดของผม ซึ่งมิใช่ในฐานะนายทุน แต่คือในฐานะมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่มีสิทธิ และอิสระในความคิด และความเชื่อของตนเอง

ผมเชื่อว่าพวกเขากำลังทำในสิ่งซึ่งเป็นคุณต่อสังคมในระยะยาว ดังนั้น ผมจึงไปให้กำลังใจเขา เมื่อพวกเขาเสี่ยงต่อการถูกจับกุมด้วยกฏหมายอธรรม ในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่พึงมีให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ผมไม่มีส่วนในการกำหนดการเคลื่อนไหวของพวกเขาแม้เพียงน้อย และไม่มีความประสงค์จะทำเช่นนั้น และหากต่อให้ผมมีความประสงค์เช่นนั้นจริง ก็คงจะล้มเหลว เพราะกลุ่มบุคคลที่มีหัวใจแข็งแกร่งปานหินผาเยี่ยงนั้น ย่อมไม่ให้ใครจูงจมูกได้ง่าย

หากสิทธิอันชอบธรรมในการแสดงออกซึ่งความคิดความเชื่อ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ถูกพรากจากพวกเขาไปเพียงเพราะพวกเขามีความเห็นทางการเมืองที่แตกต่างจากผู้มีอำนาจจากการทำรัฐประหาร นั่นย่อมเสมือนสิทธิ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผมถูกพรากไปเช่นกัน

ประชาธิปไตย!

สิทธิมนุษยชน!

ความยุติธรรม!

การมีส่วนร่วม!

สันติวิธี!

เผด็จการจงพินาศไป ประชาธิปไตยจงเจริญ