ผ่าดวงเมืองปีใหม่ไทย ‘การเมือง-สังคม-เศรษฐกิจ’

หมายเหตุความเห็นของนักโหราศาสตร์เกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมือง ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หรือปีใหม่ไทย เป็นต้นไป

โสรัจจะ นวลอยู่
นอสตราดามุสเมืองไทย

ลัคนาดวงเมืองของเมืองไทยอยู่ในราศีเมษ ปัญหาต่างๆ ที่เกิดจุกจิกมาเรื่อยๆ พอเข้าเดือนเมษายนปีนี้     ดาวพฤหัสบดีกับดาวเสาร์เหมือนเดินผิดปกติ คือเดินขึ้น เดินลง อาจจะมาทับกัน และไปเล็งราหูในราศีเมถุน ตรงนี้สำคัญ เพราะอาจส่งผลให้บ้านเมืองเกิดความขัดแย้งได้ง่ายๆ ทำให้คนอารมณ์ร้อน ไม่ฟังกัน ทุกฝ่ายเหมือนจะไม่ยอมกัน สถานการณ์ทางการเมืองค่อนข้างชัดเจนถึงความไม่ลงรอย ดาวเคราะห์ทั้งหลายเดินเป็นเส้นตรงเล็งกัน ส่งผลด้านการเมือง หลังสงกรานต์ ดาวศุกร์จะย้ายจากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ เป็นตำแหน่งที่เรียกว่า “ประ” ในวันที่ 17 เมษายน ดังนั้นตั้งแต่วันดังกล่าวเป็นต้นไป อากาศก็จะร้อนขึ้นเรื่อยๆ การเมืองเพิ่มความร้อนแรงขึ้นไปอีก มีปัญหาเรื่องความไม่เข้าใจกัน ต้องพยายามคุยกัน แต่ก็คุยกันลำบาก ปีนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ร้อนแรง สิ่งที่คาดคะเนหรือคาดการณ์ไว้ พอถึงเวลาอาจไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง ดวงดาวอาจทำให้ทุกอย่างคลาดเคลื่อน หรือล่าช้าออกไป

ตลอดปียังมีภัยพิบัติ หรือความร้อนซึ่งปีนี้อาจรุนแรงกว่าทุกปี ความแห้งแล้งอาจทำให้ผลิตผลทางการเกษตรเสียหายค่อนข้างเยอะ นอกจากนี้ อาจมีน้ำท่วมใหญ่ตามมาในช่วงต่อไปซึ่งดูแปลกมาก ทั้งแห้งแล้งและน้ำท่วม โดยอาจรวมถึงแผ่นดินไหวด้วย

เพราะฉะนั้น หากรู้อย่างนี้แล้ว ถ้าพยายามใจเย็นลงจะช่วยได้ บุญที่ทำมาตลอดก็ขอให้ทำต่อเนื่อง อาจไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำทาน บริจาคโลหิต ให้ชีวิต เช่น ปล่อยปลาไหล ไถ่ชีวิตโคกระบือจะดีมาก ถ้าเป็นไปได้คนไทยควรพร้อมใจกันทำบุญเยอะๆ ทั้งประเทศ เข้าวัดเข้าวา สวดมนต์ ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ

รัฐบาล นักศึกษา ประชาชน ควรทำบุญ ซึ่งทำให้เราเย็นลง สะสมบุญไปเรื่อยๆ อย่าประมาท พยายามพูดคุยกัน แม้อาจจะยากนิดหนึ่ง เพราะดวงดาวปีนี้ค่อนข้างแรง แต่สถานการณ์จะเบาลงไป ถึงจะร้อนแรงอย่างไร   ก็ยังพอมีโอกาส

ในภาพรวมเรื่องต่างประเทศ ต่อจากนี้เป็นไปได้ว่าอาจมีสิ่งที่ทำให้เกิดความไม่เข้าใจกัน เพราะดาวพฤหัสบดีเกี่ยวกับต่างประเทศ อาจไม่ใช่เรื่องตอนนี้ แต่หมายถึงอนาคต ซึ่งอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาได้ เกิดความคิดที่ขัดแย้งกันเป็นสิ่งที่ต้องระวัง นานาชาติอาจให้ความสนใจประเทศไทยมากขึ้นกว่าเดิม

ภิญโญ พงษ์เจริญ
นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ

ขณะนี้ดาวมฤตยูยังโคจรอยู่ในราศีเมษ ทับลักขณาเมือง ทับอาทิตย์หรือตนุเศษของดวงเมือง ซึ่งดาวมฤตยูเป็นดาวแห่งการเปลี่ยนแปลง ดังนั้น ดวงเมืองไทยจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ๆ ซึ่งมีทั้งดีและไม่ดี ต้องบริหารความเสี่ยงให้ดี

แต่ดาวที่สำคัญคือดาวพฤหัสบดีซึ่งตอนนี้โคจรอยู่ในราศีธนู เป็นเรือนชะตาที่ 9 ของดวงเมือง เรียกว่าศุภะ ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวที่ดี เป็นพระเคราะห์ให้คุณมากกว่าโทษ และโคจรอยู่ในภพที่ดี ซึ่งพระพฤหัสบดีให้ความหมายทางด้านศาสนา การศึกษา การแพทย์ การสาธารณสุข รวมทั้งกฎหมาย ดังนั้นเรื่องเหล่านี้จะได้รับการเอาใจใส่ พัฒนา แต่ดาวพฤหัสบดีกำลังโคจรถอยหลัง แสดงถึงความไม่คืบหน้า ชะลอตัว ต้องมีการตรวจสอบ ปรับปรุงแก้ไข เพื่อเดินหน้าใหม่ ทั้งนี้ ดาวพฤหัสบดีกำลังโคจรถอยหลังจากราศีธนูเข้าสู่ราศีพิจิกในวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 ราศีพิจิกเป็นเรือนชะตาที่ 8 ของดวงเมือง หมายถึง การเปลี่ยนแปลง ดังนั้นจะเกิดความสับสนวุ่นวายตามความหมายของเหตุการณ์ที่คุ้มครองโดยดาวพฤหัสบดี ซึ่งดาวพฤหัสบดีจะอยู่ในราศีพิจิกถึงวันที่ 30 ตุลาคม 2562 ในห้วงเวลาดังกล่าวเป็นห้วงเวลาที่ต้องระมัดระวัง

ภายหลังวันที่ 30 ตุลาคม 2562 ดาวพฤหัสบดีจะโคจรเข้าสู่ราศีธนูอีกครั้ง และไปกุมกับดาวเสาร์ ซึ่งดาวพฤหัสบดีกับดาวเสาร์เป็นดาวคู่ของการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งในช่วงที่ดาวพฤหัสบดีกับดาวเสาร์โคจรไล่ล่ามาทันกัน หรือทันกับราศีธนู ซึ่งเป็นภพศุภะของดวงเมือง และยังโคจรมาทับดาวพฤหัสบดีกับดาวเสาร์ในดวงกำเนิดของดวงเมืองด้วย
ดาวพฤหัสบดีกับดาวเสาร์เป็นดาวคู่ของการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย ประเทศเราจะดำเนินไปสู่ยุคใหม่ เกิดการผสมกลมกลืนระหว่าง 2 ขั้วทางความคิด ทางผลประโยชน์ หรือกลุ่มอิทธิพลต่างๆ ดังนั้น ทางรอดของสังคมคือต้องประนีประนอมด้วยการผสมผสาน เพื่อแสวงหาความสมดุลในสังคม ซึ่งเป็นความสมดุลระหว่างของเก่าและของใหม่

ดาวพฤหัสบดีกับพระเสาร์ที่โคจรมากุมกันครั้งนี้ ในตำราโหราศาสตร์บอกถึงการกุมกันครั้งยิ่งใหญ่ที่เรียกว่า The Great Conjunction ซึ่งจะกุมกันสนิทจริงๆ ในปี 2563 แต่กว่าจะถึงตอนนั้นต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ปีนี้ โดยการกุมกันที่พูดถึงเป็นการกุมกันครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบ 397 ปี และจะกุมกันในวันที่ 21 ธันวาคม 2563 พยากรณ์ได้ว่าจะเกิดการผสมผสานทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ซึ่งไม่เคยปรากฏว่าเคยยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาก่อน

หากพูดถึงปีนี้ ประชาชนยังต้องต่อสู้ดิ้นรนต่อไปจะเห็นว่าปีนี้เป็นนางสงกรานต์ประจำวันอาทิตย์ อิริยาบถคือประทับนั่ง คำพยากรณ์คือประชาชนยังต้องต่อสู้ดิ้นรน ขวนขวาย ต้องให้ผ่านเวลาช่วงปี 2562 ไปสู่ปี 2563 ซึ่งในปี 2563 ดาวพฤหัสบดีจะอยู่ที่ราศีธนู เหตุการณ์ต่างๆ จะดีขึ้น แต่ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ คนต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง

ดาวอีกดวงหนึ่งที่น่าพิจารณาคือ ราหู ซึ่งเป็นพระเคราะห์ธาตุลม กำลังโคจรอยู่ในราศีมิถุน ซึ่งเป็นธาตุลมเช่นกัน ลมหมายถึงความสัมพันธ์ การติดต่อสื่อสาร เมื่อราหูเข้าสู่ภพที่ 3 ในราศีมิถุน ตรงนี้มองเห็นเรื่องคมนาคมขนส่ง ซึ่งพระราหูจะเข้ามามีอิทธิพลอย่างมาก อย่าลืมว่านางสงกรานต์ปีนี้ประทับนั่งบนหลังพญาครุฑ แปลความตามดวงดาวได้ว่า การคมนาคมขนส่งจะเกิดการตื่นตัว เอาใจใส่ ได้รับการพัฒนาขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางทางอากาศ เพราะครุฑต้องบิน สอดคล้องกับพระราหูคือธาตุลม ราศีมิถุนก็ธาตุลม ดังนั้นการคมนาคมทั่วไป การเดินทางทางอากาศหรือทางบกที่อาศัยความเร็ว รวมทั้งทางเรือจะเกิดการเชื่อมต่อระหว่างดินแดนต่างๆ ไม่ว่าจะประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง ในประเทศ และนอกประเทศ

ชาวตะวันออกคือราหู ดังนั้นกลุ่มทุน กลุ่มอิทธิพลชาติตะวันออกจะมีอิทธิพลเรื่องคมนาคมขนส่ง การบิน การรถไฟ รถไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น แต่เมื่อมองดวงดาวจะเห็นว่าราหูเล็งกับพระพฤหัสบดีและพระเสาร์ จะเกิดมุมที่เรียกว่ามุมเล็งหรืออยู่ตรงข้ามกัน จะเกิดการเผชิญหน้าระหว่างราหูกับขั้วระหว่างดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ มุมนี้เป็นการเผชิญหน้าแบบดึงและดัน ท้าทาย ต่อรอง เกิดการถ่วงดุลระหว่างกลุ่มทุนตะวันออกและตะวันตก โดยมุมเล็งถือว่าเป็นมุมที่ต้องตัดสินใจ ช่วงแรกเราควรเลือกทั้ง 2 ฝ่าย แต่ในที่สุดเมื่อปัญหารุนแรง ตึงเครียด ต้องเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ตรงนี้เป็นความเสี่ยงที่ผู้รับผิดชอบต้องบริหารความเสี่ยงเพื่อความอยู่รอดของชาติบ้านเมือง

ตอนนี้จะเห็นว่าดาวอังคารปรากฏอยู่ตรงราศีพฤษภทับพระอังคารเดิม ทับเกตุ เล็งพระเกตุจร ส่งกระแสสัมพันธ์ไปถึงดาวเสาร์และดาวพฤหัสบดีที่ราศีคนยิงธนู หมายถึงการต่อสู้ ฉะนั้นต้องระวังความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม อีกไม่นานดาวอังคารจะจรเข้าราศีธาตุลม เล็งพระพฤหัสบดีและพระเสาร์

ต้องระมัดระวังเรื่องอุบัติภัยที่เกิดจากลมและดินด้วย

 


ที่มา:มติชนออนไลน์