รองโฆษก “เพื่อชาติ” ชี้ ข้อเสนอ “ไพบูลย์” ใช้ ม.270 เป็นกับดักอภินิหารทางกฎหมาย หวังใช้สืบทอดอำนาจ

เมื่อวันที่ 20 เมษายน นายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ(พ.พ.ช.) กล่าวถึงการออกข้อเสนอแก้ปัญหารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำของนายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ว่า ในหลายๆเหตุการณ์ นายไพบูลย์มักออกมาแสดงความคิดเห็นอันเป็นทางออกของกฎหมายแบบคาดไม่ถึง หรือจะเรียกได้ว่า สามารถคิดอภินิหารทางกฎหมายได้เสมอๆ แบบที่คนทั่วไปไม่สามารถคิดได้ ดังนั้น เมื่อนายไพบูลย์ออกมาพูดอะไร เราก็ควรจะเก็บเอาคำพูดของนายไพบูลย์ไปคิดให้ดี ยกตัวอย่างกรณีล่าสุด เรื่องวิธีแก้รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ หากพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)สามารถรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้จริง นายไพบูลย์เป็นคนแรกที่ออกมากล่าวถึงทางออกในเรื่องนี้ โดยมองเห็นช่องของกฎหมายที่เขียนไว้โดยคนที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)แต่งตั้งขึ้นมา แสดงว่าความพยายามในการสืบทอดอำนาจนั้นอาจจะมีอยู่จริง และอาจจะมีการวางแผนกันมานานแล้ว โดยใส่ช่องว่างอภินิหารเข้าไปในรัฐธรรมนูญ จะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม จะทำอะไรก็ควรนึกถึงประเทศชาติและประชาชนบ้าง

“หากยังได้ชื่อว่าประเทศเราปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย การนำเอาสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช.มาร่วมออกเสียงและพิจารณาร่างกฎหมายที่สำคัญกับสภาผู้แทนราษฎร ถือเป็นการผิดหลักการประชาธิปไตย ประเพณีการปกครอง และเจตจำนงของรัฐธรรมนูญอย่างร้ายแรง ผิดหน้าที่ ผิดวัตถุประสงค์ของการมี ส.ว. ซึ่งยังไม่รวมถึงกรณีบรรลือโลกอย่างการตั้ง ส.ว. 250 คน มาร่วมโหวตนายกรัฐมนตรี ก็นับว่าหนักหนาสาหัสสากรรจ์แล้ว เช่นนี้เท่ากับว่าเป็นการวางกับดัก เตรียมสร้างอภินิหาร โดยไม่คำนึงถึงเจตนารมณ์ของประชาชน ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร ก็จะหาทางสืบทอดอำนาจจนได้ แม้จะผิดวิธีการ ผิดกลักการ และผิดเจตนารมณ์ของประชาชน ตนรู้สึกสงสารประเทศ และไม่รู้ว่าบ้านนี้เมืองนี้ต่อไป เราจะสั่งสอนลูกหลานของเราอย่างไรเมื่อเขาเติบใหญ่ขึ้นมา” นายรยุศด์ กล่าว

นายรยุศด์ กล่าวอีกว่า วิธีหนึ่งอันเป็นกระบวนการสำคัญที่จะเป็นหนทางแห่งการตั้งรัฐบาล คือการรวบรวมเสียง ส.ส.ให้ได้มากที่สุด แม้ว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้ ส.ส.มาเป็นอันดับสอง และประกาศจัดตั้งรัฐบาลหลังพรรคเพื่อไทย ทำให้เกิดข้อสังเกตว่า เสียงของพรรคพลังประชารัฐที่ประกาศออกมานั้น บางเสียงซ้ำซ้อนกับการรวมเสียงของพรรคเพื่อไทยที่ประกาศแล้ว ดังนั้น เสียงที่ซ้ำซ้อนกันอยู่ก็คืองูเห่าหรือไม่ เมื่อรัฐบาลชุดใหม่จะเกิดจากกระบวนการที่ไม่ชอบธรรม แล้วจะเป็นที่ยอมรับได้อย่างไร ทั้งการซื้อตัว ส.ส.งูเห่า หรือถ้ามีการใช้มาตรา 270 ให้ ส.ว.ร่วมยกมือผ่านร่างกฎหมาย ล้วนแล้วแต่สร้างรอยด่างพร้อยให้ระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย ให้ไม่เป็นที่ยอมรับของชาวโลก ไม่เป็นที่เชื่อมั่น แล้วจะติดต่อค้าขาย ทำการค้ากับต่างบ้านต่างเมือง พัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไปได้อย่างไร

“อยากจะขอเตือน ส.ส.ที่เห็นแก่ผลประโยชน์ ไปเป็นงูเห่า ยกมือสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐด้วยว่า แม้พวกท่านจะไม่สนใจอนาคตทางการเมืองแล้ว เพราะคงไม่คิดว่าจะมีอนาคตทางการเมืองอีก แต่ขอให้สงสารพ่อแม่ญาติพี่น้องของพวกท่านบ้าง ถ้าไปเป็นงูเห่า นอกจากตัวพวกท่านที่ชาวบ้านจะสาปแช่งก่นด่าแล้ว พ่อแม่ญาติพี่น้องก็คงรู้สึกละอายใจ ไปกับพวกท่านด้วย” นายรยุศด์กล่าว

 

 

ที่มา : มติชนออนไลน์