“ธนาธร” ลุ้น กกต.แจ้งข้อกล่าวหาถือหุ้น วี-ลัคมีเดีย กฎหมายลูก กกต.เปิดช่องให้ชี้แจง ก่อนถูกตัดสินใบส้ม

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พรรคอนาคตใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในช่วงบ่ายวันนี้ (23 เม.ย.) จะมีการพิจารณาพยานหลักฐาน กรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยยื่นร้องขอให้ตรวจสอบนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ในการถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด

ทั้งนี้ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีข้อมูลที่จะต้องพิจารณาต่อในวันที่ 23 เม.ย.นี้ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะมีข้อสรุปที่ชัดเจน เบื้องต้นคาดว่าจะมีการพิจารณาและมีมติให้ทำอะไรแค่ไหน และคิดว่าไม่จำเป็นต้องสอบหรือขอข้อมูลเพิ่มเติมจากนายศรีสุวรรณซึ่งเป็นผู้ร้องอีกคนหนึ่งอีก และหากไม่มีข้อผิดพลาด กกต.จะลงมติชี้ขาดในวันที่ 23 เม.ย. ส่วนการจะให้ใบเหลืองใบส้มหรือไม่ ยืนยันว่าขณะนี้เรื่องยังไม่ถึงขนาดนั้น เพราะทุกอย่างจะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน โดยจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจากเป็นการกระทบสิทธิของบุคคลอื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุม กกต.วันที่ 23 เม.ย. หาก กกต.เห็นว่าพยานหลักฐานมีน้ำหนักเพียงพอให้ฟังได้ว่าเป็นการกระทำที่อาจขัดต่อกฎหมาย ก็จะมีมติแจ้งข้อกล่าวหานายธนาธรเพื่อให้มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาต่อไป ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2560 มาตรา 43 วรรคสอง ที่ระบุว่า ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิที่จะให้ถ้อยคําหรือแสดงพยานหลักฐานภายในเวลาที่กรรมการ หรือเจ้าพนักงานกําหนด และมีสิทธิที่จะให้ทนายความหรือบุคคลซึ่งไว้วางใจเข้าร่วมฟังการไต่สวนได้ ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่มาให้ถ้อยคําหรือแสดงพยานหลักฐานภายในเวลาที่กําหนด ให้กรรมการ หรือเจ้าพนักงานมีอํานาจดําเนินการไต่สวนต่อไปได้
อย่างไรก็ตาม ในรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 98(3) กำหนดว่า บุคคลผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

ขณะที่ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 มาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะ ต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอม ให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น มีกำหนด 20 ปี


หาก กกต.มีมติให้นายธนาธรมีความผิด จะเข้าข่าย พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 132 ที่ระบุว่า ก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง ถ้าคณะกรรมการสืบสวนหรือไต่สวนแล้วเห็นว่า มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครผู้ใดกระทำการอันเป็นเหตุให้การเลือกตั้งนั้นมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม หรือมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้สมัครผู้ใดก่อให้ผู้อื่นกระทำ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจ ให้บุคคลอื่นกระทำการดังกล่าว หรือรู้ว่ามีการกระทำดังกล่าวแล้วไม่ดำเนินการเพื่อระงับการกระทำนั้น ให้คณะกรรมการสั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครที่กระทำการเช่นนั้นทุกรายไว้เป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลาไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่คณะกรรมการมีคําสั่ง และในกรณีที่ผู้นั้นได้คะแนนอยู่ในลำดับที่ จะได้รับการเลือกตั้ง ให้สั่งยกเลิกการเลือกตั้งและให้มีการเลือกตั้งใหม่ คําสั่งของคณะกรรมการตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นที่สุด