ทนายเล็งประกัน “บุญทรง” รอบ 3 พร้อมอุทธรณ์คดีจีทูจี หลังวืดประกันรอบ 2 ในข้อกม.ไม่ใช่ปัญหาสุขภาพ

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 31 สิงหาคม นายนรินทร์ สมนึก ทนายความนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จำเลยที่ 2 คดีทุจริตโครงการระบายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 42 ปี เปิดเผยภายหลังทราบคำสั่งศาลไม่ให้ประกันตัวนายบุญทรง รอบสองว่า ตนได้แจ้งคำสั่งศาลให้นายบุญทรงทราบแล้ว โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่ง ทางการเมือง ได้มีคำสั่งระบุว่ายังไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม หลังจากนี้เตรียมทำคำอุทธรณ์คดีเพื่อยื่นให้ทันตามกฎหมายบัญญัติไว้ 30 วัน ส่วนเรื่องประกันตัวตอนนี้ยังจะไม่ยื่นคำร้องใหม่ แต่วางแนวทางไว้ว่าจะยื่นคำร้องขอประกันตัวครั้งใหม่พร้อมกับคำอุทธรณ์คดี

นายนรินทร์กล่าวต่อว่า สำหรับหลักทรัพย์ที่ยื่นประกันตัวล่าสุดในครั้งนี้ก็เป็นหลักทรัพย์เดิม ส่วนคำร้องได้ระบุเหตุผลไว้เป็นเรื่องของข้อกฎหมายที่ให้ศาลวินิจฉัยเกี่ยวกับการประกันตัวโดย ไม่ได้ระบุถึงเหตุเรื่องสุขภาพของนายบุญทรงแต่อย่างใด โดยเรายอมรับและเคารพถึงเหตุผลที่ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งไม่ให้ประกันตัว สำหรับนายบุญทรงนั้นขณะนี้เรื่องสุขภาพมีอาการที่ดีขึ้น วันนี้ที่ตนได้พูดคุยกับนายบุญทรง น้ำเสียงพูดคุยได้ชัดเจน

ขณะที่นายธนากร แหวกวารี ทนายความของนายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศจำเลยที่ 4 และจำเลยร่วมกลุ่มอดีตข้าราชการกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า สำหรับนายมนัส และจำเลยร่วมที่ 5 และ 6 นั้น ขณะนี้กำลังรวบรวมเอกสารเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพของนายมนัสจากครอบครัว และหลักฐานอื่น ในส่วนของจำเลยร่วมเพื่อจะประกอบคำร้องขอประกันตัว หากเอกสารพร้อมและยื่นทันภายในสัปดาห์นี้จะดำเนินการทันที มิเช่นนั้นอาจจะเป็นสัปดาห์หน้า ส่วนหลักทรัพย์จะยื่นหลักทรัพย์เดิมไว้ก่อน ส่วนศาลจะวินิจฉัยอย่างไรก็พร้อมจะดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษานั้นตามรัฐธรรมนูญฯปี 2560 มาตรา 195 ให้ยื่นต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาภายใน 30 วันนับจากที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา จะครบกำหนดในวันที่ 25 กันยายน ทั้งนี้สำหรับหลักทรัพย์ประกันตัวเดิมของนายบุญทรงนั้น เป็นเงินสด วงเงิน 30 ล้านบาท ส่วนนายนายมนัส 12 ล้านบาท และของนายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จำเลยที่ 5 กับนายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ จำเลยที่ 6 หลักทรัพย์เดิมคนละ 8 ล้านบาท ขณะที่เหตุผลเดิมที่ศาลเคยไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวพวกจำเลยในคดีนี้ เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนี

 


ที่มา : มติชนออนไลน์