“จุรินทร์-กรณ์” ชิงผู้นำ ปชป. สาย “กปปส.” ชง “หัวหน้าคนกลาง”

ความเคลื่อนไหวของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เข้มข้นขึ้นทุกลมหายใจ เพราะกำลังจะมีการเลือกหัวหน้าพรรค-กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่ที่มาพร้อมกับภารกิจกอบกู้พรรค-ตัดสินอนาคตพรรคว่าจะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่มี “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” เป็นแม่เหล็กขั้วบวก-ลบ

2 รายชื่อ “แคนดิเดตหัวหน้าพรรคสีฟ้าคนใหม่” ที่พุ่งแรง-ตีคู่กันมา คือ 1.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรค และ 2.นายกรณ์ จาติกวณิช รักษาการรองหัวหน้าพรรค อดีตประธานนโยบายพรรค

ก่อนถึงวันเลือกหัวหน้าพรรค-กก.บห.ชุดใหม่มีข่าวดี-ข่าวร้ายแพร่สะพัดภายใน-นอกพรรค ทั้ง “ข่าวเชียร์” ว่านายจุรินทร์ 1 ในแคนดิเดตหัวหน้าพรรค คือ “สายชวน” นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ให้การสนับสนุน รวมถึงข่าว (เจตนา) ดี-ประสงค์ร้ายว่า นายกรณ์ คือ คนที่ “ถาวร เสนเนียม” ว่าที่ ส.ส.สงขลา และอดีตแกนนำ กปปส.-ปีก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ออก “แรงส่ง”

“สมการนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ นายอภิสิทธิ์คงไม่อยากให้นายถาวรเป็นเลขาฯ นายอภิสิทธิ์น่าจะหนุนนายกรณ์อยู่ เพราะนายกรณ์ถือว่าป็นทีมเดียวกับนายอภิสิทธิ์ตั้งแต่เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา” แกนนำ กปปส.วิเคราะห์ข่าวปล่อย

วันนี้ “โหวตเตอร์” ที่มีสิทธิ-มีเสียงกำหนดอนาคตพรรคยังไม่สามารถจับสัญญาณ-แรงส่งจาก “ผู้มีบารมี” ทั้งภายในพรรค-ภายนอกพรรคได้ แม้แต่ “กรณ์” ที่มีชื่อเป็น 1 ในแคนดิเดตก็ยังคง “เก็บตัวเงียบ”

ปรากฏเพียงแต่การเปิดตัวชัดของ “จุรินทร์” ท่ามกลางความเงียบภายในพรรค-การอ่านใจกันไปมาของแต่ละคนว่า “ใครสนับสนุนใคร-ใครเป็นทีมงานเบื้องหลัง-ใครเป็น (ว่าที่) เลขาธิการพรรค” แกนนำ กปปส.คนเดิมประเมินการชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคว่า “นายจุรินทร์กับนายกรณ์ถือเป็นทีมเดียวกันกับนายชวนและนายอภิสิทธิ์ การที่มีชื่อแคนดิเดตออกมาจากสายเดียวกันถึง 2 คน อาจเป็นเพราะกำลังตัดสินอยู่ว่าหวยจะออกที่ใคร”

แม้ขณะนี้ “ตัวเต็ง” ว่าที่ “หัวหน้าพรรคคนที่ 8” จะถูกแสงสปอตไลต์ฉายส่องเพียง 2 คน คือ นายจุรินทร์-นาย กรณ์ แต่วันนี้รายชื่อที่ยังอยู่ในเส้นทาง “ชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคคนใหม่” ทั้งคนในพรรค-คนนอกพรรค อาทิ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม. และมีความพยายาม “ทาบทาม” คนที่อยู่ “สายกลาง” อย่าง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 16 มาเป็น “ตัวเลือก” ลดภาพขั้วถาวร-กปปส. ดึงเสียงโหวตเตอร์

เพราะแม้นายอภิสิทธิ์จะประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรค แต่ยังมีอิทธิพลภายในพรรคเพราะล้างบางขั้วหมอวรงค์-คุมเสียงบัญชีรายชื่อไว้เบ็ดเสร็จ โอกาสที่ผลการลงมติแบบ “แตกหัก” จะเข้าทางขั้วอำนาจเก่าภายในพรรคปีก กปปส.ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงพรรคคง “อกหัก” อีกครั้ง ไม่ว่าหัวหน้าคนใหม่จะชื่อ “จุรินทร์” หรือ “กรณ์”

นอกจากนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคครั้งที่ผ่านมา กอปรความพ่ายแพ้ชนิดหมดรูป ภาคใต้เสียแชมป์-กรุงเทพฯ สูญพันธุ์ ทำให้รอยร้าวภายในพรรคปริแตก-มองหน้ากันไม่ติด คนแพ้เลือกตั้งไม่อยากเข้าพรรค

จึงเกิดเป็นข้อเสนอตั้ง “คณะกรรมการปรองดอง” เพื่อให้ขั้วต่าง ๆ ภายในพรรคเข้ามามีส่วนร่วมในการเลือกหัวหน้าพรรค-เลขาธิการพรรค-กก.บห.พรรค ที่เห็นชอบของทุกฝ่าย โดย “ไม่มีการลงมติ” เพื่อรักษาพรรค-ผสานรอยร้าว

“คนที่จะขึ้นมาเป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรคคงต้องเซฟ ไม่ต้องรีบเปิดหน้า ไม่เช่นนั้นจะถูกป้ายสี คนที่ต้องการปฏิรูปพรรคและต้องการเข้ามาแข่งคงไม่กล้าเปิดตัวตอนนี้”

นอกจากเรื่อง “ชี้เป็นชี้ตาย” การเลือกหัวหน้าพรรค-กก.บห.พรรคชุดใหม่ที่ต้องตัดสินใจร่วม-ไม่ร่วมรัฐบาลแล้ว การกำหนด “ความเป็นความตาย” ของพรรคในการกลับมายิ่งใหญ่ (อีกครั้ง) จาก “พรรคต่ำร้อย” กลายเป็น “พรรคหลักร้อย” มีผลต่อการเลือกหัวหน้าพรรค-กก.บห.พรรคใหม่ด้วยเช่นกัน

ตามข้อบังคับพรรคภายหลัง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ประกาศลาออกเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ต้องมีการเลือกหัวหน้าพรรค-กก.บห.พรรคชุดใหม่ ภายใน 60 วัน หรือภายในวันที่ 23 พ.ค. แว่วว่าจะเลือกหัวหน้าพรรค-กก.บห.ชุดใหม่ในวันที่ 15 พ.ค.

คณะทำงานกำหนดหลักเกณฑ์การเลือกหัวหน้าพรรค-กก.บห.ชุดใหม่ที่มี นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ เป็นประธาน กำหนดหลักเกณฑ์-แก้ไขข้อบังคับพรรค เบื้องต้นจะ “ยกเว้นข้อบังคับพรรค” ในการ “หยั่งเสียง” เลือกหัวหน้าพรรค

โดยกำหนดองค์ประชุม-โหวตเตอร์ 19 กลุ่ม ราว 300 คน อาทิ ว่าที่ ส.ส.ปัจจุบัน อดีต ส.ส.กก.บห. อดีตรัฐมนตรี ตัวแทนจังหวัด ประธานสาขา โดยหลักเกณฑ์การลงคะแนนจะให้น้ำหนัก 70 : 30 โดยว่าที่ ส.ส. ปัจจุบันจะมีน้ำหนักลงคะแนน 70 เปอร์เซ็นต์ อีก 30 เปอร์เซ็นต์เป็นโหวตเตอร์ในส่วนที่เหลือ