ส.ว.ลากตั้ง เตรียมคุมเกมสภาสูง

  • สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คน องค์กรตามรัฐธรรมนูญจะมีบทบาทสำคัญต่อไปอีก 5 ปีตามบทเฉพาะกาล นับแต่วันที่มีพระบรมราชโองการแต่งตั้ง หนึ่ง บทบาทในการเลือก “นายกรัฐมนตรี” สอง บทบาทในการปฏิรูปประเทศ-บังคับทิศทาง “รัฐบาลชุดใหม่” ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ทั้งนี้ ระยะ 5 ปีตามบทเฉพาะกาล คาบเกี่ยวการเลือกนายกฯ-รัฐบาลใหม่ 2 วาระ 8 ปี

มาตรา 272 ให้อำนาจ-หน้าที่ 250 ส.ว. ระยะ 5 ปีแรกในการยกเว้นรายชื่อนายกรัฐมนตรีในบัญชีพรรคการเมือง-ให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี

บทเฉพาะกาลกำหนดหน้าที่-อำนาจ ส.ว.ให้มีหน้าที่และอำนาจติดตาม เสนอแนะและเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ การจัดทำและดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติในบทปกติยังให้อำนาจตามมาตรา 137 (1) (2) (3) ในการพิจารณา ระงับ-ยับยั้งและแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) รวมทั้งให้ “อำนาจพิเศษ” ส.ว.ในการพิจารณา-ร่วมลงมติร่าง พ.ร.บ.ที่จะตราขึ้นเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ

194 ส.ว.มาจากการ “จิ้ม” ของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จากบัญชี ส.ว. 400 คนที่มี “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี-รองหัวหน้า คสช. นั่งหัวโต๊ะ

ส.ว.อีก 6 คน มาโดยตำแหน่ง ได้แก่ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

“พรเพชร วิชิตชลชัย” ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ถูกวางตัวให้เป็น “ประธานวุฒิสภา” คอยกำกับทิศทางของ 250 ส.ว.ไม่ให้ “แตกแถว” รวมถึงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภา ล็อกไว้ให้คนที่ “ไว้ใจได้”

50 สนช.เป็นอย่างน้อยที่ยื่น “ใบลาออก” อาทิ นายพรเพชร-ประธาน สนช. นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย และนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช.

นายสมชาย แสวงการ เลขานุการกรรมาธิการวิสามัญกิจการ สนช. “มือ-ไม้” คสช.ตัวจริง-เสียงจริงที่คอยกำหนดวาระสำคัญในการตรากฎหมาย และคอยเป็น “องครักษ์พิทักษ์ คสช.” และ “บิ๊กกี่” พล.อ.นพพล อินทปัญญา “เพื่อนคู่คิด” พล.อ.ประวิตร ที่คอยรับ-ส่งสัญญาณจาก “บ้านเกษะโกมล” ก็อยู่ในโผ ส.ว. 250 คน

นายกล้านรงค์ จันทิก ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเมือง นายตวง อันทะไชย นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา “น้องในไส้พล.อ.ประยุทธ์”

รวมถึงอดีตสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และอดีตสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) อาทิ นายคำนูณ สิทธิสมาน พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ นายชาญวิทย์ ผลชีวิน พล.อ.นาวิน ดำริกาญจน์ “คู่ซี้สมคิด”

ขณะที่โควตาของรัฐมนตรีชุดปัจจุบันในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทยอยกันเก็บข้าวเก็บของ-ย้ายที่ทำงานใหม่ 15 คน ได้แก่พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี “ขุนพลข้างกายบิ๊กตู่” คอยรับงานสำคัญ-เร่งด่วน เช่น การ “ปลดใบเหลือง” การทำประมงผิดกฎหมาย การบริหารจัดการน้ำท่วม-น้ำแล้ง พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ยุติธรรม

นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมขบวน คสช.ตั้งแต่เกษียณจากผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติรับงานร้อน-งานข่าวลับใต้ดิน เช่น ปฏิบัติการบุกดงขมิ้นเหลือง-ตามจับ “ธัมมชโย” และ “เงินทอนวัด”

พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน ร่วมหัวจมท้ายกันมาตั้งแต่ยึดอำนาจรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ “น้องรักบิ๊กตู่” เคยได้รับความไว้วางใจให้เป็น “หัวหน้ารัฐบาล” ดับไฟใต้

พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษา ฯ นายอุดม คชินทร รมช.ศึกษาฯ

นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล รมช.ต่างประเทศ นายวีรศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา นายลักษณ์ วจนานวัช รมช.เกษตรฯ นายสมชาย หาญหิรัญ รมช.อุตฯ

นายสุธี มากบุญ รมช.มหาดไทย พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง

นอกจากนี้ ยังมี “นายพล” แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ลาออกจากตำแหน่งกรรมการ “บอร์ดรัฐวิสาหกิจ” อาทิ พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง อดีต ผบ.ทอ.ลาออกจากกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน)

พล.อ.ไพโรจน์ พานิชสมัย สมาชิก สนช. ลาออกจากกรรมการ และกรรมการอิสระ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน)

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา นายพล “น้องรัก พล.อ.ประวิตร-เพื่อนร่วมรุ่น พล.อ.ประยุทธ์” รับจ็อบ-ปูทางจนติด 1 ใน 250 ส.ว.ลากตั้ง คุมเกมอีก 8 ปี