“ธนาธร” ยันอุดมการณ์หนักแน่น ไม่มี ส.ส.งูเห่าในพรรคหนุนเผด็จการ ไม่ใช้เงินภาษีทำเพื่อตัวเอง

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

เมื่อวันที่ 10 พ.ค.62 เวลา 11.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการกกต. และน.ส.พรรณิการณ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ เดินทางมารับหนังสือรับรอง ส.ส. โดยนายธนาธรกล่าวว่า ตนขอสัญญากับประชาชน ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ทุกคนจะทำหน้าที่อันทรงเกียรตินี้อย่างเต็มความสามารถ และให้สัญญาว่า ส.ส.ทั้ง 80 คนจะไม่นำเงินภาษีของประชาชนเพื่อประโยชน์ส่วนตน ไม่มีการคอร์รัปชั่น จะไม่โอ้อวด และไม่ใช้อำนาจที่ได้มาจากประชาชนทำให้ประเทศชาติเสียหาย รวมทั้งจะทำการเมืองที่ดีสร้างสรรค์เปลี่ยนแปลงประเทศไทย

“ผมและแกนนำพรรคอนาคตใหม่มีความเชื่อมั่นว่า ส.ส.ของพรรคทุกคน ยึดมั่นในอุดมการณ์ เราสร้างพรรคอนาคตใหม่ไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ หรือผลประโยชน์ส่วนตัว แต่ทำเพื่อความฝันและอุดมการณ์เดียวกันที่อยากจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยมากกว่านี้ ดังนั้น เชื่อว่าด้วยความหนักแน่นทางอุดมการณ์ของพรรคจะไม่มี ส.ส.คนใดที่ไปยกมือสนับสนุนให้กับเผด็จการสืบทอดอำนาจ ยืนยันว่าไม่มีการให้ ส.ส.เซ็นใบลาออกล่วงหน้าแต่อย่างใด” นายธนาธรกล่าว

เมื่อถามว่าพรรคอนาคตใหม่ยังยืนยันที่จะจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า การลงนามร่วมกันหลังการเลือกตั้งนั้นเป็นการสร้างแนวร่วมต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช. ส่วนการที่จะร่วมรัฐบาลกับใครยังอยู่ในขั้นตอนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ ยังไม่มีข้อสรุป และการที่สังคมปักใจเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะจัดตั้งรัฐบาลได้นั้นก็เป็นเรื่องที่เกินไป เพราะพรรค พปชร. และพรรคที่เสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบ มีเพียง 121 เสียงเท่านั้น ถ้าต้องการให้มีเสียงเกิน 250 เสียง พรรค พปชร.จะต้องรวมเสียงกับพรรคที่เหลือทั้งหมด นอกจาก 7 พรรคการเมืองที่ร่วมลงสัตยาบันต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช. ซึ่งจะทำให้มีพรรคร่วมรัฐบาล 20 พรรค ซึ่งการเจรจาต่อรองกับ 20 พรรคการเมืองไม่ได้เป็นเรื่องที่ง่าย ดังนั้นขอให้รอดูอีกสักพัก เพราะทางพรรคอนาคตใหม่กำลังพยายามอย่างเต็มที่ ที่จะยุติการสืบทอดอำนาจของ คสช. อย่างที่เคยประกาศเอาไว้ให้เป็นจริงให้ได้มากที่สุด อย่างไรก็ตามตนไม่เคยยืนยันว่าจะเสนอชื่อตนเองเป็นนายกฯ

เมื่อถามต่อว่าจะมีขั้วการเมืองใหม่เกิดขึ้นหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า ตนพูดอะไรไม่ได้มากจะต้องเคารพกับคนที่เรากำลังเจรจาด้วย การจะบอกว่าพูดคุยอะไรกับใครเอาไว้บ้างต่อสาธารณะในตอนนี้จะเป็นการไม่ให้เกียรติผู้ที่เจรจา ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะพูดคุยกับพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทยนั้น เรื่องดังกล่าวขอให้เป็นการพูดคุยของพรรคการเมือง ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ และไม่ขอตอบว่ามีการประสานหรือมีการพูดคุยไปแล้วหรือไม่ แต่เรายังเชื่อว่าแนวทางดังกล่าวมีความเป็นไปได้ ในการยุติการสืบทอดอำนาจของคสช.ซึ่งเราพยายามทำตรงนี้ให้ได้โดยลดอัตรา ลดผลประโยชน์ส่วนตัว ลดเรื่องหน้าตาลงให้มากที่สุด เพื่อนำประเทศไทยออกจากปัญหาความขัดแย้ง เอาทหารกลับกรมกอง สร้างสังคมประชาธิปไตยกลับมาใหม่ในประเทศไทย และจะมีความชัดเจนในการก่อนการประชุมสภานัดแรกแน่นอน

“พรรคการเมืองที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นายกรัฐมนตรีอีกครั้งมีเพียง 3 พรรค มีเสียงในสภารวมกัน 121 คนหากรวมกับเสียง ส.ว.แล้วยังได้ไม่ถึงครึ่งนึงของรัฐสภา 750 เสียง ผมอยากจะเรียกร้องให้พวกเราร่วมกันตรวจสอบว่าพรรคไหนหาเสียงเรื่องจุดยืนทางการเมืองไว้อย่างไร ถึงเวลาแล้วที่คนที่มาจากการเลือกของประชาชน จะยืนอยู่ฝั่งเดียวกับประชาชน ยืนอยู่อย่างตั้งมั่นในสิ่งที่หาเสียงกับประชาชน เราสามารถหยุดยั้งกลไก ส.ว.ได้ เพราะ 378 เสียง ของ ส.ส.ย่อมเกินกึ่งหนึ่งของของรัฐสภา ส่วนใน 378 เสียงใครจะเป็นรัฐบาล ใครจะเป็นฝ่ายค้านก็ว่ากันไป แต่พวกเราสามารถหยุดยั้งการใช้อำนาจของ ส.ว.ที่ไม่ได้มาจากประชาชนที่จะมาบิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชนได้ ยืนยันว่าสังคมไทยยังมีทางออก แต่เราจะเดินไปสู่ทางตันก็ต่อเมื่อเสียงของประชาชนไม่ได้รับการเคารพ และถูกบิดเบือนไป” นายธนาธรกล่าว

นายธนาธรกล่าวถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือให้ กกต.ขอให้ตรวจการถือครองหุ้นของตนทั้งหมด 13 บริษัทนั้น ไม่มีความกังวลใจใดๆ เพราะรู้ตั้งแต่แรก ว่าคุณสมบัติของการเป็นผู้สมัคร ส.ส.ต้องมีอะไรบ้าง และเราพยายามที่จะต้องทำตามกฎหมายให้ได้มากที่สุด ดังนั้นหุ้นต่างๆ ที่มีการร้องเรียนมีการขายออกเพื่อทำให้มีคุณสมบัติตามกฎหมายที่กำหนด ตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.2562 อย่างครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว และพร้อมที่จะชี้แจงหลักฐานทั้งหมด

นายปิยบุตรกล่าวว่า ยืนยันว่ามีการทาบทามติดต่อตามข่าวจริงซึ่งมี ส.ส.หลายท่านมาบอก และหากมีการทาบทามต่อเนื่อง และมีความพยายามที่จะใช้วิธีดึง ส.ส.จากพรรคอื่น เราอาจจะนำหลักฐานการทาบทามมาเปิดเผยให้เห็น แต่ยืนยันว่า ส.ส.ที่ถูกทาบทามทุกคน จะไม่ไปแน่นอน

ด้านนายปิยบุตร ยังกล่าวอีกว่า สิ่งที่เรากำลังพูดคุยกันอยู่ เรากำลังพุ่งตรงไปที่การหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. ไม่ได้พูดกันถึงการจัดตั้งรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดหากทุกพรรคการเมืองที่เคยได้หาเสียงเอาไว้ว่าไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช. วันนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะพิสูจน์สิ่งที่หาเสียงไว้กับประชาชน ซึ่งทางพรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่าพร้อมที่จะพูดคุยกับทุกพรรคที่ไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช.เพื่อมาตัดสินใจร่วมกันในการหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช.โดยใช้สูตรการปิดสวิตช์ ส.ว. ร่วมกันนำทหารออกจากการเมืองไทย

นายปิยบุตรยังกล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีการตรวจสอบเรื่องหุ้นของนายธนาธรนั้น สามารถตรวจว่านักการเมืองถือเป็นบุคคลสาธารณะ แต่เมื่อตรวจสอบแล้ว ไม่พบความผิดก็ขอแสดงความรับผิดชอบกับความผิดพลาดนั้นด้วย รวมทั้งสำนักข่าวที่ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวขอให้อย่าเสียเวลาเจาะข่าว เพราะหากอยากดูข้อมูลทางพรรคก็สามารถนำข้อมูลมาเปิดเผยได้ จึงอย่าเสียเวลาตรวจสอบ ควรตรวจสอบเรื่องที่สำคัญ เช่น ตรวจสอบว่า ส.ว. 250 คน เป็นใครมาจากไหนบ้าง

ผู้สื่อข่าวรายงาน หลังจากนายธนาธร นายปิยบุตร และน.ส.พรรณิการ์ ได้เข้ารับหนังสือรับรอง ส.ส. จาก กกต.แล้ว และสื่อมวลชนขอให้ชูหนังสือรับรองเพื่อบันทึกภาพ แต่ทั้ง 3 คนได้ปฏิเสธ โดยนายธนาธรระบุว่ากระบวนการดังกล่าวเป็นการทำให้ครบถ้วนตามกฎหมายเท่านั้น แต่ความศักดิ์สิทธิ์ของการเป็น ส.ส.เกิดขึ้นตั้งแต่ประชาชนเลือกตั้งเข้ามา ไม่ใช่เกิดจากการรับรองของ กกต. จึงไม่ขอแสดงเอกสารดังกล่าว