“บิ๊กตู่” โวยว่าที่พรรคร่วมต่อรองเก้าอี้ เหมือนเล่นขายของ พปชร.ยังปักหลักจอง 4 กระทรวง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2562 หลายประเด็น ยันสงครามการค้าสะเทือนส่งออกไทย สั่งพาณิชย์ตั้งรับ ผลงาน 5 ปี และปัญหาการกดดันต่อรองตำแหน่งในคณะรัฐบาลใหม่

“บิ๊กตู่” ยันสงครามการค้ากระทบไทยไม่มาก

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ว่ารัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นพิเศษตั้งแต่เริ่มเกิดขึ้นมา เราต้องแก้ไขเรื่องการส่งออกของเรา ซึ่งการประชุมวันนี้มีการหารือเรื่องเศรษฐกิจ หลายประเทศที่ใช้การส่งออกเป็นหลักในการหารายได้เข้าประเทศ ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าสองประเทศทั้งสิ้น เพราะปลายทางทั้งหมดไปตลาดใหญ่ จึงให้กระทรวงพาณิชย์ไปพิจารณาหาตลาดใหม่ให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเล็กๆ หลายๆ กลุ่มประเทศ คิดว่าผลกระทบยังไม่มาก เพราะไทยมีเศรษฐกิจอื่นหลายมิติ เรื่องเทคโนโลยีอีกเรื่องหนึ่งจะมีการประชุมร่วมกับภาคเอกชนเพื่อสังเคราะห์ข้อมูลร่วมกันในวันที่ 22 พ.ค. ซึ่งเรื่องนี้จะมีผลต่อการประชุมอาเซียน จึงต้องหารือมาตรการต่างๆ เพื่อรองรับกับผลกระทบ เพราะทุกประเทศได้รับผลกระทบทั้งสิ้น

พอใจ 5 ปี คสช. แก้ปัญหาจำนำข้าว คดีทุจริต หนี้นอกระบบ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการครบรอบ 5 ปี คสช. ว่าทุกคนอยากให้ทำต่อเนื่องในเรื่องอะไรก็ตามที่สำคัญ ยังแก้ไขไม่ได้ทั้งระบบ กฎหมายยังไม่พร้อมยังใช้ไม่ได้ต้องทำต่อทั้งสิ้น เพราะการบริหารประเทศต้องมีความยั่งยืน จะต้องมีนายกฯ รัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่มีประสิทธิภาพ ในนามหัวหน้า คสช.ก็ต้องพอใจในทุกเรื่องที่ได้ทำ เพราะแก้ปัญหาที่หมักหมมต่อเนื่อง เรื่องความสงบเรียบร้อย แก้ปัญหาชาวนา จำนำข้าว คดีทุจริต คนจนถูกเอาเปรียบ คืนโฉนดให้ชาวบ้าน แก้หนี้นอกระบบ มีการปรับปรุงกฎหมายที่ล้าสมัยและบังคับใช้กฎหมายที่จริงจัง แต่ยังมีปัญหาพอสมควร การแก้ปัญหาค้ามนุษย์ ประมงผิดกฎหมาย จัดระเบียบสังคม รวมถึงแก้ปัญหาปากท้อง นอกจากนี้ยังวางรากฐานประเทศในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมโยงด้านคมนาคม ลงทุนใน EEC หลายอย่างเกิดขึ้นมาแล้วในรัฐบาลนี้สุดแต่รัฐบาลหน้าจะทำอะไรต่อไป

“ทั้งหมดนี้จะสร้างประโยชน์ให้กับประเทศและประชาชนต่อไป หลายเรื่องที่ยังมีปัญหาต้องขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาลใหม่ แต่เหมือนกับที่ผมอยู่มาสิ่งไหนที่ดีแล้วผมก็ทำต่อให้ สิ่งไหนที่ดีไม่มากก็แก้ไขให้มันดีมากขึ้น วันนี้สิ่งที่เป็นปัญหาคือผู้มีรายได้น้อยที่ประกอบอาชีพอิสระและบริการ ได้เห็นพื้นที่ชุมชนคลองเตย เห็นชีวิตความเป็นอยู่ก็เห็นใจ จะขยับขยายก็ระยะที่ 2 วางแผนไว้แล้วที่สร้างที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ มีร้านค้า มีการประกอบอาชีพ เขาต้องไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า แต่ต้องเป็นไปตามแผนงาน ต่อไปโครงการบ้านล้านหลังเพื่อให้ข้าราชการชั้นผู้น้อย ประชาชนผู้มีรายได้น้อย มีการปรับมาตรการหลายอย่างต่อไป ทุกคนอยากเข้าถึงโอกาสแต่ต้องหากติกาหรือมาตรการที่เหมาะสมที่ไม่มีปัญหาทางกฎหมาย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องเหล่านี้ตนอยากจะส่งต่อให้รัฐบาลใหม่ ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่จะสานต่ออย่างไร ทุกคนอยากทำงานการเมืองเพื่อดูแลประชาชน ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐบาล กรุณาให้เป็นไปตามขั้นตอน ทุกพรรคการเมืองมีนโยบายของตัวเองอยู่แล้ว ทำอย่างไรให้รัฐบาลใหม่นำนโยบายของทุกพรรคมาจัดทำเป็นขั้นเป็นตอนให้สอดคล้องกับนโยบายหลัก แต่ต้องขึ้นอยู่กับงบประมาณที่มีอยู่เพื่อไม่ให้เกินสัดส่วนการใช้จ่ายงบประมาณ และขอให้สนใจ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐที่มีตัวเลขการใช้งบประมาณกำกับไว้

“วันก่อนฟังเทศก์ พระท่านพูดอย่างหนึ่งกาลเทศะ การวางเนื้อวางตัว พูดจา แต่งตัวต้อง ทำอะไรก็ตามไม่ให้คนส่วนใหญ่เขาไม่สบายใจ เช่น เข้ามาทำเนียบต้องแต่งตัวให้เรียบร้อย ทุกคนต้องใช้ การประกอบธุรกิจต้องรู้จักกาลเทศะ ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ทุจริต ให้เหมาะสมกับสถานการณ์บ้านเมืองในเวลานี้ ที่ต้องการการพัฒนาประเทศ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

โวยพรรคการเมืองต่อรองเก้าอี้ เหมือนเล่นขายของ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการกระแสจัดตั้งรัฐบาลว่าที่มีชื่อตนเองเป็นนายกฯ ว่า ยังไม่คิด วันนี้ทุกพรรคหารือกันเอง อย่าเอาตนเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ก้าวล่วง เป็นเรื่องของคนที่คาดว่าจะเป็นรัฐบาลก็คุยกันมา ทุกอย่างอยู่ที่การพูดคุยให้เข้าใจ ให้รู้เรื่องว่าบ้านเมืองต้องการอะไรในขณะนี้ ถ้าทำล่าช้าเกินไปก็มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่นกับต่างประเทศ การค้าการลงทุนหยุดชะงัก ดังนั้น เราต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกับต่างชาติ เพราะมีผลกระทบต่อการลงทุนและดูแลคนในประเทศ ดังนั้น ถ้าทุกคนคิดเป็นซ้าย เป็นขวา โดยไม่หาทางตรงกลางร่วมกันเลยก็ไปไม่ได้ทั้งหมดทุกเรื่อง

เมื่อถามว่า ถ้าคุยกันได้เรื่องแล้ว พรรคการเมืองก็เอาชื่อมาให้นายกฯ คนใหม่ตัดสินใจ ซึ่งตนยังตัดสินใจไม่ได้ เพราะยังไม่ได้เป็น ขณะนี้บางพรรคยังคุยกันอยู่ไม่ใช่หรือ ยังไม่ได้ข้อยุติใดๆ ทั้งสิ้น

เมื่อถามว่า ขั้วพรรคพลังประชารัฐ พยายามคุยมากกว่า 10 พรรคจะมีปัญหาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มองให้มันดีสิ ถ้ามีหลายพรรคก็อาจจะดีไปอย่าง เพราะทุกนโยบายหาเสียงมาก็นำไปสู่การปฏิบัติ แต่จะปฏิบัติอย่างไรก็ต้องร่วมมือกันทำ ถ้าไม่ร่วมมือกันไม่ว่าจะกี่พรรค 5 พรรคก็ไปไม่ได้ทั้งหมด ถ้ามุ่งเน้นแต่จะเอาของตัวเองเป็นไปไม่ได้ ทั้งหมดต้องรวมอยู่ในนโยบายของรัฐ ก็จะสามารถดูแผนการปฏิบัติว่าจะทำได้แค่ไหน ต้องเดินเป็นขั้นเป็นตอน

“สิ่งที่เขาหาเสียงกันมายอมรับว่าเป็นสิ่งที่ดีๆ ทั้งนั้น แต่จะทำได้มากน้อยแค่ไหน ครม.ใหม่ไม่ใช่ทำงานง่าย เพราะมีกฎหมายใหม่ๆ ออกมาหลายตัว แม้ที่ผ่านมาผมมีอำนาจเยอะพอสมควรแต่ไม่ดันทุรัง บางเรื่องยังทำไม่ได้ แต่คิดได้ กำหนดแนวทางไว้ในวันข้างหน้า ก็หวังแต่รัฐบาลใหม่จะทำต่อเนื่อง อันไหนดีก็ทำต่ออันไหนไม่ดีก็แก้ไข การเมืองน่าจะเป็นอย่างนั้นไม่ใช่มุ่งเอาชนะคะคาน ตำแหน่งเหล่านี้ไม่ใช่ขายของ แต่ทุกคนมองเหมือนขายของ พอพูดไปมากๆ เข้า ต่างประเทศจะเชื่อรัฐบาลเราเหรอ การต่อรองเยอะแยะ แต่ผมเชื่อว่าเขาคุยกันรู้เรื่อง”

เมื่อถามว่า มีคนประกาศตัวอยากเป็นรัฐมนตรีและเสนอพร้อมจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลต้องคุยกันก่อนสิ ไม่ใช่ใครจัดแจงได้ทั้งหมด เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม มีส่วนในการพิจารณาตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่จริงหรอก คุยกันว่าสถานการณ์การเมืองเป็นอย่างไร อะไรที่เราควรจะให้รัฐบาลใหม่ทำต่อบ้าง ที่สุดแล้วก็แล้วแต่รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามา

เมื่อถามว่า 4 กระทรวงหลักประกอบด้วย กระทรวงคมนาคม กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง พรรคพลังประชารัฐจองไว้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนบอกว่าทุกพรรคเขาก็หวังอย่างนั้น เมื่อถามว่า เดือน มิ.ย.จะเห็นรัฐบาลใหม่แล้วหรือไม่ “พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยู่ที่พวกเราจ้ะ”