“ธนาธร” ลั่น ไม่ใช่เวลาสิ้นหวัง แต่เป็นเวลาเปิดโปงความชั่วร้ายเผด็จการ

“ธนาธร”  ปลอบใจโหวตเตอร์ไม่ใช่เวลาสิ้นหวัง แต่เป็นเวลาเปิดโปงความชั่วร้าย ลั่น ไม่ให้เข้าสภา ก็ขออยู่ข้างประชาชน 6.3 ล้านเสียงที่เลือกอนาคตใหม่

เมื่อเวลา 19.00 น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีถือหุ้นสื่อ อันเป็นลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ซึ่งเป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6 )ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ และมติ 8 ต่อ 1 ให้นายธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ว่า ขอแสดงความเห็นต่อสาธารณะในที่นี้ว่าไม่เห็นด้วยกับมติของศาลรัฐธรรมนูญ ขอตั้งข้อสังเกตการพิจารณาคำร้องของ กกต.ต่อการพิจารณาสมาชิกภาพของตนที่รีบร้อนผิดปกติหรือไม่ มีเหตุจูงใจทางการเมืองหรือไม่ เพราะตนมีเอกสารใหม่ลงวันที่ 17 พ.ค. ส่งวันที่ 21 พ.ค.และมาถึงมือพยานในวันที่ 22 พ.ค. เรียกสืบพยานจากคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของ กกต.เพิ่มขึ้น 3 คน เท่ากับว่าซึ่งคณะกรรมการสืบสวนยังดำเนินการอยู่ แต่คำถามคือ เหตุใด กกต.ชุดใหญ่ ถึงพิจารณาแล้วส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย 16 พ.ค ในขณะที่ชุดเล็กยังแสวงหาข้อเท็จจริงไม่เสร็จ กกต.เอาข้อสรุปมาจากไหน

นายธนาธร กล่าวว่า ไม่ใช่กรณีเดียวก่อนหน้านี้ กกต.เรียกนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ แม่ของตน ไปให้สอบปากคำในกรณีนี้โดยจดหมายมาถึง 22 เม.ย.ตอนบ่าย แต่กำหนดให้ไปให้ถ้อยคำในช่วงเช้าวันที่ 22 เม.ย.มีใครสามารถไปให้ปากคำในเวลาที่นัดแนะกันในอดีตได้  แต่ 23 กกต.ไม่รอฟังข้อเท็จจริงแจ้งข้อกล่าวหาตนทันที โดยฝั่งตนในฐานะผู้ถูกร้องไม่มีโอกาสชี้แจงกับ กกต. เปรียบเทียบกับกรณีคุณดอน 417 วัน จาก กกต.ถึงศาลรัฐธรรมนูญ กรณีของผมตั้งแต่ กกต.รับเรื่อง ถึงศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลา 53 วัน จำนวนวันที่แตกต่างกันสองกรณีคือ 364 วัน

“คิดว่าผมได้รับความเป็นธรรมในกรณีนี้หรือไม่ คิดว่าการทำงานขององค์กรอิสระที่ใช้อำนาจนิติบัญญัติในประเทศไทยเป็นธรรมหรือไม่ ทุกท่านช่วยกันตรวจสอบพิจารณา มติ กกต.และศาลรัฐธรรมนูญ ช่วยพิจารราร่วมกับผม ว่ามีความเป็นธรรมหรือไม่ ผลักดันเรื่องนี้เร็วกว่าปกติหรือไม่ ฝากประชาชนร่วมกันตรวจสอบองค์กรอิสระ ตอนนี้ ศาลวินิจฉัยให้ผมหยุดปฏิบัติหน้าที่การเป็น ส.ส. แต่ผมและ อนค.ยืนยันแน่วแน่ รวมเสียงพรรคการเมืองต่อต้านเผด็จการ เพื่อผลักดันธนาธรเป็นนายกฯ อย่างไม่หยุดยั้ง ยังเป็นแคนดิเดตนายกฯ ยังพร้อมเป็นนายกฯ ยังมีศักดิ์และสิทธิ์เป็นนายกฯ” นายธนาธร กล่าว

หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวอีกว่า คสช.อยู่ในขาลง คืออาทิตย์ที่กำลังอัสดง ไม่ว่าการพยายามสืบทอดอำนาจดึง ส.ส.จากพรรคอื่น หรือ สกัดไม่ให้ผมเข้าสภา แสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวังของระบอบเผด็จการและระบอบรัฐประหาร พวกเขาต้องการให้ทุกๆ วันของวันนี้เป็นเมื่อวาน เพื่อจะได้เสวยสุขกับความทุกข์ของประชาชนโดยไม่มีวันเปลี่ยนแปลง พวกเขาคือความมืด พวกเราคือแสงสว่าง ขออาสาเปิดประตูสู่วันพรุ่งนี้และรุ่งอรุณของใหม่ นายธนาธรขออาสาเป็นนายกฯ เพื่อยุดยั้งระบอบ คสช.และระบอบเผด็จการ

“ทุกคนอาจสิ้นหวัง อาจหมดหวังเมื่อได้ยินข่าวคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาแห่งความสิ้นหวังแต่เป็นเวลาที่จะเปิดโปงความชั่วร้ายของระบอบเผด็จการ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความอยุติธรรม ขอให้ลุกขึ้นยืนและต่อสู้ร่วมกันกลับสู่สังคมประชาธิปไตย ชาวอนาคตใหม่ที่สนับสนุนอนาคตใหม่ ผมและแกนนำอนาคตใหม่ และ ส.ส. อีก 79 คนยังไม่หมดหวัง แม้วันนี้ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ ส.ส.ไปแล้ว แต่ยังเป็น ส.ส.อยู่ระหว่างรอการวินิจฉัยของศาลจะยังคงทำงานกับประชาชนอย่างต่อเนื่องในเมื่อพวกเขาไม่ให้ผมเข้าสภา จะอยู่กับประชาชน อยู่ในฐานะบุคคลที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน 6.3 ล้านเสียงทั่วประเทศ” นายธนาธร กล่าว

คลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่…ศาลรธน. มีมติ 9 ต่อ 0 รับคำร้องปมหุ้น “ธนาธร” สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่