‘สุเทพ’เผย 5 เสียงรปช. โหวต’บิ๊กตู่’ นั่งนายกฯ

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 4 มิถุนายน ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานโจทก์ คดีชุมนุม กปปส. หมายเลขดำ อ.247/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 ยื่นฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อายุ 70 ปี อดีตเลขาธิการ กปปส. นายถาวร เสนเนียม อดีตแกนนำ กปปส. อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และอดีตแกนนำ กปปส. รวม 9 คน ในความผิด 8 ข้อหาฐานร่วมกันกบฏ, สนับสนุนกบฏ , ขัดขวางการเลือกตั้งฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 , 116 , 117 , 209 , 210 , 215 , 216 , 362 , 364 , 365 , พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 ม.76 , 152 ขณะที่นายสุเทพกับนายชุมพล จุลใส ถูกฟ้องเพิ่มอีกข้อหาฐานก่อการร้าย ตามมาตรา 135/1 ด้วย

คดีหมายเลขดำ อ.832/2561 ยื่นฟ้อง นางอัญชะลี ไพรีรัก อายุ 53 ปี อดีตพิธีกรเวทีชุมนุม กปปส. , อดีตพระพุทธะอิสระ อายุ 59 ปี อดีตแกนนำ กปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ กับแนวร่วม รวม 14 คน , คดีหมายเลขดำ อ.1185/2561 ยื่นฟ้อง ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ อายุ 61 ปี ผู้ประสานงานกองทัพธรรม กับนายมั่นแม่น กะการดี อายุ 39 ปี แนวร่วมกองทัพธรรม , คดีหมายเลขดำ อ.491/2562 ที่ยื่นฟ้อง นายสุริยะใส กตะศิลา อายุ 43 ปี แนวร่วม กปปส. ซึ่งเป็นอดีตผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ,คดีหมายเลขดำ อ.791/2562 ที่ยื่นฟ้องนายสุริยันต์ ทองหนูเอียด รวมจำเลยทั้งหมด 5 สำนวน จำนวน 31 คน

จากการร่วมชุมนุมกันของ กปปส.ที่มีนายสุเทพ เป็นผู้นำการชุมนุมเพื่อขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย. 2556 – 1 พ.ค. 2557 ซึ่งมีการพาผู้ชุมนุมบุกรุกปิดสถานที่ราชการหลายแห่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง ซึ่งท้ายคำฟ้องอัยการโจทก์ยังได้ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งของจำเลยด้วยมีกำหนด 5 ปี

ซึ่งจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ขณะที่คดีนี้อัยการโจทก์ เตรียมพยานไว้จำนวน 80 ปาก ใช้เวลา 30 นัด ส่วนจำเลย พยาน 100 ปาก ใช้เวลา 30 นัด ขณะที่จำเลย กปปส.นั้น ได้ประกันตัวไปด้วยหลักทรัพย์คนละ 600,000 บาท พร้อมมีเงื่อนไขห้ามจำเลยทั้งหมดออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล

โดยช่วงเช้าวันนี้ นายสุเทพอดีตเลขาธิการ กปปส. และผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และแกนนำและแนวร่วม กปปส. ก็เดินทางมาศาล พร้อมร่วมกระบวนการสืบพยานโจทก์ครั้งแรก

โดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ซึ่งได้ ส.ส.จากการเลือกตั้งรวม 5 คน ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงโหวตนายกรัฐมนตรี ว่า พรรครวมพลังประชาชาติไทยพูดคุยกันมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า เราสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีเพราะว่าเป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุดในในสถานการณ์อย่างนี้ เป็นคนที่มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เป็นที่ประจักษ์ เป็นคนที่มีความซื่อสัตย์สุจริต มีความมุ่งมั่นที่จะทำงานแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองผ่านช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ เพราะฉะนั้นพรรครวมพลังประชาชาติไทยจึงได้หาเสียงกับประชาชนชัดเจนว่าสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ความจริงเราก็ไม่ได้ยึดติดตัวบุคคลแต่เห็นว่าในช่วงเวลานี้ไม่มีใครเหมาะสมเท่ากับท่านในการนำพาประเทศผ่านวิกฤติไปได้

ผู้สื่อข่าวถามถึงท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่าในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตนแล้ว คงต้องถามถึงบุคคลที่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์เอง แต่ถ้าหากสุดท้ายเราได้ร่วมงานกันกับทางพรรคประชาธิปัตย์ก็อยากจะบอกว่าในยุคนี้เป็นยุคที่การสื่อสารเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ใครคิดอะไรนิดหน่อยก็ปรากฏไปในสื่อแล้ว ที่จริงมันมีขั้นตอนปฏิบัติระบุไว้ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ

โดยในวันพรุ่งนี้ ( 5 มิ.ย.) เป็นวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีโดยรัฐสภา เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องไปกังวลใจในเรื่องนี้ คอยดูอย่างเดียวว่าสมาชิกรัฐสภาจะลงคะแนนให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี เสียงข้างมากในสภาจะลงคะแนนให้ใคร เมื่อมีการเลือกนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว ประธานรัฐสภาจะต้องนำความกราบบังคมทูลเพื่อให้ทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี หลังจากนี้นายกรัฐมนตรีจึงจะไปดำเนินการจัดตั้งรัฐบาล จะไปเจรจาหรือชักชวนพรรคไหนมาร่วมรัฐบาล แล้วจะให้ใครบริหารกระทรวงไหน และจะมีนโยบายของรัฐบาลอย่างไรเป็นภาระของคนที่ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนที่เราเห็นเขาพูดคุยเจรจากันนั้น เป็นการทำไว้ล่วงหน้าก่อนทั้งนั้น แต่ก็ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไร สำหรับพรรครวมพลังประชาชาติไทยเราไม่ได้ต่อรองการร่วมรัฐบาลใดๆ ทั้งสิ้น แต่เราก็ตั้งใจว่ามีกำลังความสามารถอย่างไรบ้างที่จะช่วยเหลือสนับสนุนให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เดินหน้านำพาประเทศผ่านวิกฤตไปได้

ที่มา:มติชนออนไลน์