“ประยุทธ์” ระทึกรอพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ นัดชุมนุมมังกรการเมือง 19 พรรค เตรียมทำนโยบายที่ต้องแจงที่มาของงบประมาณในการจัดทำโครงการแผนงานตามนโยบาย พร้อมพิจารณาโผรัฐมนตรี ทั้งดีลเก่าที่ยังไม่ลงตัว และล้างไพ่โผรัฐมนตรีเก่าที่ผู้มีบารมีในทำเนียบเปิดการเจรจาตกลงไว้ก่อนหน้านี้ 18 ตำแหน่ง เผย 17 ตำแหน่ง น้อยเกินกว่าจะขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจที่พรรคแกนนำหาเสียงไว้ โดยจะยังมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเช่นเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีความเป็นไปได้ว่า ในช่วง 1-2 วันนี้ อาจจะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี หลังจากสมาชิกรัฐสภา 500 คน ลงมติให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช. เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีก 1 สมัย ซึ่งในวันนี้ (7 มิถุนายน 2562) นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลในช่วงเช้า และเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่าย โดยกรมประชาสัมพันธ์ ได้เตรียมรถถ่ายทอดสด จอดประจำการไว้ที่ทำเนียบรัฐบาล ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าอาจจะมีพิธีการรับสนองฯ พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ในระยะอันใกล้นี้
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
หลังจากนั้นพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะนัดกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล 19 พรรค ร่วมหารือเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน และนำนโยบายของแต่ละพรรค มารวมกันเพื่อจัดทำนโยบายรัฐบาล
โดยจะมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาภายใน 15 วัน หลังจากนายกรัฐมนตรีได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง (คาดว่าน่าภายในวันที่ 28 มิถุนายน 62)
ระหว่างนี้มีเวลาในการจัดวางบุคคลในตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เปิดโอกาสให้พรรคร่วมรัฐบาล เสนอรายชื่อว่าที่รัฐมนตรี และนำเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ร่วมพิจารณา คู่ขนานกับการตรวจสอบคุณสมบัติโดยสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (เลขาธิการ ครม.)
มีรายงานว่า การจัดโผรัฐมนตรี ในรอบใหม่นี้ อาจจะล้างไพ่บางส่วนจากที่แกนนำพรรค พปชร. ได้เจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลไว้ ในการดีลรอบแรก ที่จัดกระทรวงเศรษฐกิจที่สำคัญให้กับพรรคร่วมรัฐบาล ที่เป็นขั้วหลัก-พรรคขนาดกลาง อย่างประชาธิปัตย์ (ปชป.) และภูมิใจไทย (ภท.) พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) รวม 3 พรรรค 18 ตำแหน่ง
แบ่งเป็นประชาธิปัตย์ 8 ตำแหน่ง ประกอบด้วย 1.รองนายกรัฐมนตรี 2.รมว.กระทรวงพาณิชย์ 3.รมว.กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 4.กระทรวงศึกษาธิการ 5.รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 6.รมช.มหาดไทย 7.รมช.คมนาคม 8.รมช.สาธารณสุข
ส่วนพรรคภูมิใจไทย 8 ตำแหน่ง ประกอบด้วย 1.รองนายกรัฐมนตรี 2.รมว.กระทรวงสาธารณสุข 3.รมว.กระทรวงคมนาคม 4.รมว.กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา 5.รมช.มหาดไทย กับ รมช. อีก 3 ตำแหน่ง
พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ได้รับข้อเสนอ 2 ตำแหน่ง คือ 1 รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ 2.ตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์
เหลืออีก 17 ตำแหน่ง ที่ต้องจัดสรรร่วมกันใน 6 พรรคใหญ่-ย่อย และ 10 พรรคจิ๋ว ซึ่งน้อยไปและไม่เหมาะสมกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ที่พรรค พปชร. ต้องการกุมอำนาจไว้ให้เกิดความต่อเนื่อง โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร ยืนยันควรอยู่ในพรรค พปชร.
โดยที่ผ่านมาตัวแทนในการเจรจา มีทั้งนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพปชร. และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยแกนนำกลุ่มสามมิตร นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แต่แกนนำพรรคเห็นว่า ต้องนำข้อเสนอดังกล่าวให้กรรมการบริหารพรรคร่วมพิจารณาด้วย
และแม้ว่าแกนนำจากพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย จะอ้างถึง “ผู้มีบารมีนอกพรรค” ที่ประกอบด้วยนายพลนอกราชการ และแกนนำสายพลเรือน ในทำเนียบ ว่ามีการตกลงตำแหน่งรัฐมนตรีที่สำคัญไว้แล้วก็ตาม ยังจำเป็นต้องนำรายชื่อดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีและกรรมการบริหารพรรค “ทบทวน-พิจารณา” อีกรอบ
อย่างไรก็ตาม คาดว่าบุคคลที่จะเป็นโควต้ารองนายกรัฐมนตรี 3 คน ของพรรค พปชร. จะยังเป็นคนเดิม ทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ฝ่ายความมั่นคง และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ฝ่ายเศรษฐกิจ และนายวิษณุ เครืองาม ฝ่ายกฏหมาย