“บิ๊กตู่” ไอเดียกระฉูด จัดวิ่งตามภูมิภาคหารายได้เข้าประเทศ

นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงมาตรการส่งเสริมการออกกำลังกายว่า คนไทยเดี๋ยวนี้รักการออกกำลังกายมากขึ้น ตั้งแต่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมด้านการกีฬา การวิ่งก็ได้รับความนิยมมากขึ้น ยกตัวอย่างในต่างประเทศที่มีการวิ่งในภูมิประเทศ หรือ Trail Running ซึ่งในประเทศตอนนี้มีการจัดการวิ่งในลักษณะนี้มากขึ้น ในประเทศไทยมีการจัดมาแล้วหลายครั้ง โดยภาคเอกชนหรือประชาชน แต่วันนี้รัฐบาลก็ต้องให้ความสำคัญ เพราะจะเป็นแหล่งรายได้ของประเทศในอนาคตเหมือนในต่างประเทศที่จัดขึ้น จึงได้ให้ฝ่ายความมั่นคง ทหาร เข้าไปดูว่าจะร่วมหรือแสวงหาความร่วมมืออย่างไร มีวิธีการจัดและอำนวยความสะดวกกันอย่างไร จะจัดเป็นการวิ่งระดับชาติขึ้นมาได้หรือไม่ เพื่อให้พวกเราได้ฟิตร่างกายไปแข่งกับเขาบ้าง

“เช่น วิ่งระยะทาง 10 หรือ 20 กิโลเมตร วิ่งพื้นราบแล้วขึ้นเขา เข้าป่าไปลงทุ่งนา เพราะประเทศไทยสวยงาม มีภูเขาหลายลูก ดังนั้น เพื่อไม่ให้คับคั่ง ก็ต้องมีหลายเส้นทางสำหรับวิ่งขึ้นและวิ่งลง ไม่ใช่วิ่งเส้นเดียวแล้วมีคนเป็นร้อย ก็ติดไปหมด จึงจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากภาคเอกชน เราต้องการยกมาตรฐานให้สูงขึ้น อะไรที่รัฐบาลช่วยได้ก็จะช่วยบางคนออกกำลังกายเยอะแยะ แต่ไม่มีสนามกีฬาจะลง วันนี้จะเป็นรัฐบาล ให้ฝ่ายความมั่นคงเป็นแกนนำ เพราะมีทหาร บุคลากร ช่วยได้ คุยกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่าจะไปวิ่งในพื้นที่อุทยานได้หรือไม่ จัดการบริการดูแล การปฐมพยาบาล เพราะเป็นการวิ่งที่ทรหดพอสมควร กิโลแรกวิ่งทางราบ แต่ต่อไปจะเริ่มขึ้นเขา ใครสนใจก็ฟิตร่างกายไว้นะจ๊ะ จะดำเนินการให้โดยเร็ว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

@ สั่งเข้ม ตีกันต้องลงโทษให้เด็ดขาด

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีวินจักรยานยนต์รับจ้างตีกันที่ซอยอุดมสุข ยกพวกตีกันจนทำให้มีผู้เสียชีวิต ว่า เรื่องการตีกันนั้นตนคิดว่าเป็นวัฒนธรรมที่ไม่ดีเลย และได้สั่งการในที่ประชุม ครม.แล้ว กฎหมายในบ้านเรามีทุกตัว แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าเราจะทำอย่างไรให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ ทำงานได้จริง สิ่งที่ผมและประชาชนทั้งประเทศรับไม่ได้ก็คือการตีการทำร้ายซึ่งกันและกันในที่สาธารณะ ถนนหนทาง หรือโรงพยาบาล โรงเรียน เหล่านี้ต้องลงโทษขั้นเด็ดขาด หาตัวผู้กระทำความผิดให้ได้ว่าเหตุใดจึงเกิดขึ้น เกิดจากการปล่อยปละละเลยจากใครหรือเปล่า ต้องมีการสืบสวนลงโทษทั้งหมด ต้องหาผู้ที่รับผิดชอบให้ได้

“รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ หากจะบอกว่าให้ทำกฎหมายให้แรงขึ้นๆ อย่างเดียวคงไม่ได้ ต้องอยู่ที่ความร่วมมือของทุกคนด้วย ต้องพูดจากันดีๆ ไม่ละเมิดก้าวล่วงซึ่งกันและกัน เขตใครๆ ก็ว่ากันไป ถ้าพูดจากันเสียหายไปเรื่อยๆ ก็ไม่ดี” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว


พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงข้อสังเกตถึงการพกพาอาวุธโดยไม่มีการควบคุม ว่า ถ้าจะตรวจรถทุกคันเพื่อตรวจสอบอาวุธจะไหวกันหรือไม่ จริงๆ ต้องอยู่ที่ประชาชนทั่วไปอย่าพกพาอาวุธออกมา และหากไม่มีใบอนุญาตก็ต้องติดคุก ซึ่งการจะออกใบอนุญาตในการพกพาอาวุธเขาก็มีการตรวจสอบกันมาแล้ว ส่วนปืนเถื่อนที่ผ่านมาก็มีการสอบสวน จับกุม ดำเนินคดีกันมาตลอด แต่ที่ยังมีปัญหาอยู่ในขณะนี้ก็เพราะคนไม่เกรงกลัวกฎหมาย ดังนั้น การที่เจ้าหน้าที่มีการเข้มงวดตรวจค้นบ้างก็เพราะจำเป็น ไม่ใช่ว่าเป็นประชาธิปไตยแล้ว ไม่ต้องเคารพกฎหมายหรือ มันไม่ใช่ ไม่มีประเทศไหนเขาทำกันหรอก ทุกประเทศต้องเอากฎหมายมาเป็นหลักในการบริหารประเทศทั้งนั้น