วิบากกรรม 32 ส.ส. ว่าที่ 3 รมต. ติดรากแหถือหุ้นสื่อ

ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้อง 32 ส.ส.รัฐบาล ปมถือหุ้นสื่อ แต่ยังไม่เข้าเงื่อนไขให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ เหตุไม่มีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนเหมือน “ธนาธร” ยกคำร้อง 9 คน “กรณ์ – ปรีณา” รอด

เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 62 ศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่ “ข่าวสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ” ระบุว่า ตามที่มีคำร้องจาก ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ให้ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลรวม 41 คน เข้าข่ายขาดคุณสมบัติให้สิ้นสุดสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. นั้น

“ศาลมีมติไม่รับคำร้อง 9 ส.ส. เพราะหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์ไม่เกี่ยวของกับสื่อมวลชน ส่วนอีก 32 คน มีมติรับคำร้อง และให้มีหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาต่อศาลภายใน 15 วัน โดยทั้ง 32 คน ไม่ปรากฏเหตุสงสัยให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ จึงไม่เข้าเงื่อนไขต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่”

ทั้งนี้ มี 3 ว่าที่รัฐมนตรีอยู่ในกลุ่มที่ศาลรัฐธรรมนูญ รับไว้พิจารณา ประกอบด้วย 1.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แคนดิเดต รมว.ศึกษาธิการ ถือหุ้นบริษัท แปซิฟิค เอ็กซ์คลูซิฟ ซิตี้ คลับ จำกัด 2.นายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แคนดิเดต รมช.สาธารณสุข ถือหุ้นบริษัท พี.ที.รุ่งเรืองคอนกรีต จำกัด และ 3.ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย แคนดิเดต รมว.ต่างประเทศ ถือหุ้นบริษัท เจ.ซี.ฟู๊ด คอร์ทส จำกัด

ส่วนกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้ผ่านการสอบสวนของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งมีการสืบสวนหาข้อเท็จจริงมาก่อนยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยมีเอกสารประกอบคำร้องประกอบการว่า ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ โรงพิมพ์ รับผพิมพ์ หนังสือ พิมพ์หนังสือหรือจำหน่าย ประกอบกับแบบนำส่งงบการเงินที่บริษัทของนายธนาธรยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า 2554-2558 ระบุชัดเจนว่ามีรายได้จากการขายนิตยสาร และรายได้จากการให้บริการโฆษณา จึงมีเหตุอันควรสงสัยมีกรณีตามที่ถูกร้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีการประชุมพิจารณาว่าจะรับคำร้องกรณีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 จำนวน 2 คำร้อง โดยขอให้วินิจฉัยว่าสมาชิกสภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 41 คน สิ้นสุดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่

ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) บัญญัติลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.ว่า “เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ” มิใช่เพียงมีเจตนาหรือความประสงค์จะทำกิจการดังกล่าวเท่านั้น ถึงแม้การถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่มีวัตถุที่ประสงค์จะประกอบธุรกิจที่พอจะใช้เป็นเหตุให้มีการยื่นคำร้องต่อศาลได้ แต่ก่อนที่จะรับคำร้องไว้พิจารณาต่อไปได้ยังจำเป็นต้องตรวจสอบวัตถุที่ประสงค์ของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทที่ผู้ถูกร้อง ส.ส.41 คน ถือหุ้นอยู่ว่าเป็นวัตถุที่ประสงค์ที่จะประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ หรือไม่ ซึ่งเมื่อตรวจสอบเอกสารประกอบคำร้องของผู้ถูกร้องแล้ว ปรากฏว่าหนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งออกให้แก่ห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทของ 1.นายศาสตรา ศรีปาน ส.ส.สงขลา พรรคพลังประชารัฐ 2.นายสุรศักดิ์ ชิงนวรรณ์ ส.ส.สระแก้ว พรรคพลังประชารัฐ 3.น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ 4.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ 5.นายจักรพันธ์ พรนิมิต ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ 6.น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ 7.นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ 8.นายประมวล พงศ์ถาวรเดช ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ 9.นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์

โดยมีข้อความระบุรายละเอียดวัตถุประสงค์ไว้ทำนองเดียวกันว่า “การประกอบกิจการค้า กระดาษ เครื่องเขียน แบบเรียน แบบพิมพ์ หนังสือ อุปกรณ์การเรียนการสอน อุปกรณ์ถ่ายภาพและภาพยนตร์ เครื่องคำนวณ เครื่องพิมพ์ อุปกรณ์การพิมพ์ สิ่งพิมพ์ หนังสือพิมพ์ ตู้เก็บเอกสาร และเครื่องใช้สำนักงานทุกชนิด เครื่องือสื่อสาร คอมพิวเตอร์ รวมทั้งอุปกรณ์และอะไหลของสินค้าดังกล่าว” เป็นวัตถุที่ประสงค์ไม่เกี่ยวกับกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ จึงไม่รับคำร้อง

สำหรับคำร้องของผู้ร้องส่วนที่เหลือ 32 คน เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ 2561 มาตรา 7(5) ศาลจึงรับคำร้องจำนวน 32 คน ไว้พิจารณา และแจ้งให้ผู้ร้องทราบพร้อมส่งสำเนาคำร้องให้ทั้ง 32 คน ยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน นับแต่ได้รับคำร้อง

ส่วนคำขอให้ผู้ถูกร้อง 32 คนให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น รัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสอง บัญญัติเงื่อนไขว่าจะต้อง “ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าสมาชิกผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้อง” แต่ในคดีนี้ผู้ร้องยังไม่ได้มีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง คงมีเอกสารประกอบคำร้องเพียง หนังสือรับรองห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทระบุรายละเอียดวัตถุที่ประสงค์กับสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นเท่านั้น ไม่ปรากฏแบบแสดงรายการเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของห้างหุ้นส่วนบริษัท และแนบนำส่งงบการเงินของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทว่ามีรายได้จากการประกอบกิจการใด จึงยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งศาลจะต้องดำเนินการไต่สวนเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป เมื่อยังไม่ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่า 32 คน มีกรณีตามผู้ถูกร้อง จึงไม่เข้าเงื่อนไขสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่