โผคณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังไม่ได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ท่ามกลางข่าวความ “แตกแยก” ในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ซึ่งประกอบด้วย “กลุ่มสามมิตร” ที่มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำที่ถูกปรับลดจาก 3 ตำแหน่งเหลือ 2 ตำแหน่ง และนายสุริยะ ถูกโยกจาก รมว.พลังงาน เป็น รมว.อุตสาหกรรม ขณะที่ นายอนุชา นาคาศัย แกนนำอีกราย “หลุดจากโผ” พ้นจากการได้เป็น “ว่าที่รัฐมนตรี” ส่วน ส.ส.ภาคกลาง จ.ชลบุรี นายสุชาติ ชมกลิ่น ก็ไม่มีรายชื่อใน “โผใหม่”
โดยว่าที่รัฐมนตรีใหม่ ในกระทรวงใหญ่ ตกอยู่ในมือของทีม “นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์” เช่น นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ขึ้นเป็นว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
ขณะที่ว่าที่รัฐมนตรีคนใหม่ที่จะได้เข้ามาแทนที่ คือ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล 1 ในทีมกรรมการบริหารพรรค พปชร. “กลุ่ม 4 กุมาร” ที่เป็นสายตรง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เข้ามาเป็นว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนายเทวัญ ลิปตพัลลภ จากพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) ซึ่งไม่เคยอยู่ในโผ กลับได้เป็นว่าที่รัฐมนตรีช่วย หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
และมีกระแสข่าวที่ร้อนแรงว่าด้วยการทวงเงินในการนำมารณรงค์หาเสียงคืนจากกลุ่มสามมิตร
ท่ามกลางความวุ่นวายดังกล่าว เช้าวันที่ 1 กค. 62 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ปฏิเสธว่ายังไม่ได้นำรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) “ประยุทธ์ 2/1” ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย โดยกล่าวเพียงว่า “โผ…ยังจ้ะ”
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า “โผ ครม.นิ่งแล้ว” และ “นายกรัฐมนตรีเป็นคนเด็ดขาด” เชื่อมั่นว่าปัญหาการจัดโผ ครม.จะไม่บานปลาย
ทั้งนี้ ในวันที่ 1 กค. 62 พล.อ. ประยุทธ์ ได้มอบหมาย พล.ท.หม่อมหลวง กุลชาต ดิศกุล คณะทำงานของนายกฯ นำเอกสาร “สารจากนายกรัฐมนตรี” ซึ่งพิมพ์ใส่กระดาษเอ 4 จำนวน 1 หน้า มาแจกจ่ายแก่ผู้สื่อข่าว โดยเนื้อหาระบุว่า
“นายกรัฐมนตรีมีความรู้สึกไม่สบายใจ และต้องขอโทษพี่น้องประชาชนแทน พปชร. ในฐานะเป็นบุคคลที่พรรคเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากในห้วงเวลานี้มีข่าวสารความขัดแย้งภายในพรรคปรากฏตามสื่อต่าง ๆ มากมาย อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีจะทำหน้าที่ให้ที่สุด ถึงแม้จะมีปัญหาอยู่บ้างในการบริหารภายในพรรค เนื่องจากเป็นพรรคที่จัดตั้งขึ้นใหม่สมาชิกมาจากหลายกลุ่มหลายสาขา ที่มีความมุ่งมั่นจะทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และหน้าที่บริหารใน ครม.ให้ดีที่สุด”
เอกสารจากนายกฯ ระบุต่อไปว่า “การบริหารบุคลากรเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ทุกคนพึงพอใจ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือทำอย่างไรประชาชนจะมีความเชื่อมั่นในรัฐบาลและทุกพรรคการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านให้มากที่สุด โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกอย่างจะเดินหน้าต่อไป เพื่อตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชน ในฐานะรัฐบาลของคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งจะถือเป็นการเริ่มต้นปฏิรูปทางการเมืองของรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อมิให้การดำเนินการทางการเมืองกลับไปเป็นปัญหาเช่นเดิม จนต้องเกิดการแก้ไขปัญหาแบบเดิม ๆ ที่ทุกคนไม่ต้องการขึ้นมาอีก”
ข้อความท้ายที่สุด นายกรัฐมนตรี ระบุว่า “ไม่ได้ต้องการตำหนิใครหรือสร้างความขัดแย้งใด ๆ ขึ้นมาอีก อย่างไรก็ตาม นายกฯ ครม. และ ส.ส. ทุกคนทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านก็ต้องทำงานให้ได้ เพราะทุกคนคือคนไทย แผ่นดินไทยทุกตารางนิ้วต้องได้รับการดูแลจากรัฐบาลประชาธิปไตยอย่างทั่วถึงเท่าเทียมและเป็นธรรม”