“อนุพงษ์” สมัย 2 พร้อมทำงานกับนักการเมือง ไม่มีแบ่งเค้กในกระทรวง พร้อมให้ฝ่ายค้านตรวจสอบ

เมื่อเวลา 07.30 น. ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เข้าปฏิบัติหน้าที่เป็นสมัยที่ 2 ทั้งนี้ ได้สักการะศาลพระภูมิศาล ศาลพระกาฬ และพระอนุสาวรีย์สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ตามลำดับ โดยมีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง และผู้บริหารหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในกำกับ นำโดยนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้การต้อนรับ จากนั้น พล.อ.อนุพงษ์ให้สัมภาษณ์ถึงการแบ่งงานให้รัฐมนตรีช่วยว่าการ 2 คน ว่าการจัดสรรแบ่งงานจะพูดคุยกันอย่างไม่เป็นทางการก่อน ส่วนการแบ่งงานอย่างเป็นทางการจะหารืออีกครั้งหลังรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา อย่างไรก็ตาม ตนได้หารือกับรัฐมนตรีช่วยทั้ง 2 คนบ้างแล้ว ยอมรับว่าขณะนี้คำแถลงนโยบายรัฐบาลจะบรรยายสภาพแวดล้อมทั้งจากภายนอกและภายในประเทศ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม ปากท้องของประชาชนที่ยังยากลำบากอยู่ เนื่องจากเป็นผลกระทบจากต่างประเทศ เราต้องเร่งดำเนินงานเพื่อช่วยเหลือประชาชน

“หากพรรคการเมืองข้อมูล หรือรัฐมนตรีประสบการณ์ ก็จะนำมาพูดคุยกันทำให้เป็นนโยบายของกระทรวงให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล จะไม่มีความขัดแย้งกัน จะไม่แบ่งกระทรวงเป็นเสี้ยวๆ เราพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ถ้าเป็นนโยบายภายในกระทรวงก็ทำได้ทันที แต่ถ้าเป็นเรื่องที่จะต้องให้รัฐบาลเห็นชอบ ผมก็จะไปนำเรียนนายกฯ ส่วนการทำงานร่วมกับนักการเมืองจะต้องปรับตัวหรือไม่นั้น ผมเป็นคนที่มีความอ่อนตัวพอสมควร คงไม่มีปัญหา ทำงานร่วมกับใครก็ได้” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า

เมื่อถามว่า การตรวจสอบจากฝ่ายค้านจะเข้มข้นขึ้นต้องกำชับเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องดีอย่างมากในระบอบประชาธิปไตย ผู้ใช้อำนาจต้องถูกตรวจสอบและถ่วงดุล ทั้งในเรื่องความโปร่งใส แผนงานโครงการต้องมีการติติงกัน ถ้าเป็นในลักษณะนี้ คนที่ได้ประโยชน์คือประเทศชาติและประชาชน สามารถชี้ให้เห็นได้ว่าดีไม่ดีอย่างไร เท่ากับว่าเติมเต็มให้กันและกัน มีคนคอยร่วมพิจารณาให้ข้อเสนอแนะก็คงจะดี และไม่คิดว่าจะทำให้การทำงานของรัฐบาลยากขึ้น เพราะฝ่ายบริหารใช้อำนาจไปทุกหย่อมหญ้าทั้งประเทศ ถ้ามีฝ่ายการเมืองช่วยตรวจสอบและถ่วงดุลก็ทำให้เกิดประโยชน์

ส่วนมาตรการในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งนั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ปีนี้น้ำฝนไม่มาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะของดปลูกในบางลุ่มน้ำ 19 ก.ค.รัฐมนตรีทั้ง 4 คนจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบน้ำในเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ พร้อมทั้งพาตัวแทนเกษตรกรตามลุ่มน้ำเจ้าพระยาให้เห็นของจริงว่าจะปลูกพืชที่ใช้น้ำมากไม่ได้ จึงจะต้องมีการปลูกพืชชนิดอื่นให้เหมาะสม ซึ่งกระทรวงเกษตรกรมีมาตรการในแต่ละปีอยู่แล้วว่าเกษตรกรแต่ละพื้นที่ควรจะปลูกพืชใดเมื่อไหร่ ส่วนการประกาศพื้นที่ภัยพิบัติจากภาวะภัยแล้งจะเป็นเฉพาะพื้นที่ แต่ก่อนจะประกาศก็จะเริ่มตั้งแต่แจ้งเตือน ป้องกัน เก็บน้ำได้ก็จะทำก่อน

พล.อ.อนุพงษ์ ยังกล่าวถึงการเปิดให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นว่า ขณะนี้ยังไม่มีการพูดถึง รอให้เข้าทำงานอีกนิดจะมีความชัดเจนว่าจะมีการเปิดให้เลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อใด หรือเลือกแบบใดก่อน