“ทักษิณ” จะกลับไทยต้องจุดธูป อีลิทซื่อบื้อ ทหารไม่เป็นลูกผู้ชาย เอาชนะด้วยกลโกง

(Photo by ISAAC LAWRENCE/AFP)

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้มีบารมีเหนือพรรคเพื่อไทย ปรากฏตัว-ปรากฏเสียง ผ่านโลกออนไลน์อีกครั้งในรอบ 20 วัน

คีเวิร์ดในการปรากฏตัว ครั้งนี้ พาดพิง “ทหาร” และ “ชนชั้นนำ” ที่ทั้ง “ซื่อบื้อ…ไม่มีความเป็นลูกผู้ชาย” ก่อนหน้านี้ เขาทวิตข้อความลงในทวิตเตอร์ส่วนตัว @Thaksin Live ประกาศปิดบ้านงดจัดงานวันเกิด “ขอจัดกิจกรรมวันเกิดภายในครอบครัวเท่านั้น” โดยอ้างว่าสถานที่ “จำกัด” และอากาศร้อนเกินไป
ท่ามกลางกระแสข่าว 2 ทางที่สวนกันไปมา ระหว่างการ “วางมือทางการเมือง” กับ “ซุ่มตั้งพรรคใหม่”
ในจังหวะเดียวกันนี้ เกิดการรีโนเวตพรรคเพื่อไทย ปรับ-เปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค ให้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ กุมบังเหียน ร่วมกับ สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าคนใหม่

แต่คนอย่าง “ทักษิณ” ไม่อาจซุ่มเงียบได้ ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ร้อนแรง

เขาปรากฏตัวในโลกออนไลน์อีกครั้ง ส่งสัญญาณ ถ้าจะกลับบ้านที่เมืองไทย “ต้องจุดธูป”

ในวันที่ 26 ก.ค. 62 เฟซบุ๊กชื่อ Jom Petchpradab ของนายจอม เพชรประดับ สื่อมวลชนอิสระ ได้ไลฟ์สด ในบรรยากาศการโฟนอินของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากนครดูไบ มายังนครลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ในวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 70 ปี จัดโดยกลุ่มคนไทยผู้รักประชาธิปไตยในแอลเอ สหรัฐอเมริกา ตอนหนึ่งว่า…

“ขอบคุณที่มีอวยพรวันเกิด คำอวยพรถือว่ามีคุณค่ามากที่สุด 13 ปีแล้วที่ออกมาจากประเทศ ท่านทั้งหลายก็ยังคอยห่วงใย ทำให้ผมรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ถือเป็นคุณูปการทำให้ผมมีกำลังใจ แม้ 70 ดูแล้วน่าใจหาย แต่ดูสุขภาพแล้วอายุเป็นเพียงตัวเลข สุขภาพดี เงินซื้อไม่ได้ ต้องหาเอาเอง”

“จริงๆ อายุเป็นเพียงตัวเลข ถ้ารักษาสุขภาพกาย สุขภาพจิต สุขภาพจิตก็ต้องรักษา 2 ด้าน อีกฝั่งเล่นงานเราแบบไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์ว่ากันไปเรื่อยเปื่อย แต่เราก็ต้องเอาสิ่งที่บวกมาเป็นกำลังใจให้เราตลอดเวลา ต้องเอามุมบวกมาเป็นกำลังใจให้เรา ไม่อย่างนั้นเราก็คงอยู่ยาก มีอาจารย์คนหนึ่งความสุขความทุกข์ของคนเหมือนเม็ดฉำฉ่า ถ้าเอาเม็ดที่เป็นสุขมาบ่มก็เบ่งบานหัวใจพองโต ถ้าเอาเม็ดที่เป็นทุกข์มาบ่ม จิตใจห่อเหี่ยว ชีวิตก็แย่ลงทุกวัน ดังนั้น พยายามบ่มสุขให้มากๆ อย่าบ่มทุกข์มากเกินไป แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รับรู้เรื่องทุกข์ แต่อย่าให้ทุกข์มาบั่นทอนไม่ให้รับรู้ความสุข อยู่ให้เป็น อยู่ให้มีคุณค่า”

“ถึงวันนี้ 70 ยังแข็งแรงดี มีจิตใจเข้มแข็ง คิดถึงพี่น้อง คิดถึงพลังอย่างนี้ อยู่ๆ ใครจะเอาคนมาช่วยเชียร์ช่วยรักตลอดเวลาเป็นไปไม่ได้ ถ้าเราไม่ทำตัวของเรา ทุกวันนี้ผมคิดอย่างเดียวเป็นหนี้บุญคุณประชาชน พรรคที่สนับสนุนผม เลือกตั้งทีไรก็ชนะตลอด แม้จะถูกโกงก็ตาม กำลังใจเหล่านี้ที่ทำให้ผมอยู่ได้”

ผู้ที่ร่วมไลฟ์ถามทักษิณ ว่า จะวางมือทางการเมืองหรือไม่ ทักษิณ ตอบว่า “มือมันต้องวางตลอดกินข้าวก็ต้องวาง นั่งก็ต้องวางไว้บนหน้าขาตัวเอง ต้องวางมือไม่อย่างนั้นมันหนัก”

มีคนถามอีกว่า หยุดเล่นการเมืองหรือไม่หรือหยุดไปชั่วขณะ นายทักษิณบอกว่า “ผมไม่ได้มีบทบาทอะไรได้แต่ให้กำลังใจสนับสนุนคน เพราะทุกวันนี้ผมอยู่เมืองนอก 10 กว่าปี ก็ต้องทำมาหากิน แวดไปนู่นไปนี่เยี่ยมเพื่อนฝูงบ้าง การเมืองไทยมีคนทำหน้าที่แล้ว คุณสมพงษ์ (อมรวิวัฒน์) ทำหน้าที่หัวหน้าพรรค ส่วนคุณหญิงสุดารัตน์ (เกยุราพันธุ์) ก็ทำหน้าที่ยุทธศาสตร์บริหารพรรคกันได้อยู่ ก็คงไม่ต้องกังวล พรรคไปได้ดี และประชาชนเข้าใจว่าพรรคนี้เป็นดีเอ็นเอที่ผมก่อตั้งตั้งแต่ไทยรักไทย”

นายทักษิณกล่าวต่อว่า “คนที่ไปอยู่ที่อื่นประชาชนไม่ได้มองว่าเป็นไทยรักไทย เลือกตั้งทีไรก็แพ้ เที่ยวนี้ใช้กำลังภายในทุกรูปแบบก็ได้แค่นี้ พรรคไหนที่เป็นดีเอ็นเอของเรายังแข็งแรงดี และประชาชนยังให้การสนับสนุน เพราะเป็นพรรคที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางทำเพื่อประชาชนเป็นหลัก รักษาระบอบประชาธิปไตย เพื่อให้สิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างทั่วถึง แม้อยู่ในภาวะที่ออกกฎหมายกลั่นแกล้ง เอาเปรียบอย่างไร ผมไม่เคยเห็นทหารยุคไหนขาดความเป็นลูกผู้ชายเหมือนยุคนี้ ชนะแบบให้กรรมการ กติกา ให้คนช่วยโกงให้ด้วยมันไม่เท่ ไปที่ไหนความนับหน้าถือตาไม่มี เพราะไม่เท่”

มีการถามกันอีกว่า จะแสดงความคิดเห็นการเมืองต่อไป นายทักษิณ กล่าวว่า “ผมเป็นคนไทย เป็นอดีตนายกฯ ที่ห่วงใยประชาชนตลอดเวลา การแสดงความเห็นเป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐานของมนุษย์ ยิ่งเราห่วงประชาชนและประชาชนยังห่วงใยผมอยู่ ถ้าให้เราลืมประชาชนไปเลยจะเป็นคนขาดความรับผิดชอบ เป็นคนใช้ไม่ได้ ยังมีสิทธิในฐานะมนุษย์คนหนึ่งที่จะวิจารณ์อะไรก็ได้ แต่ก็ต้องรู้ว่าเมื่อไหร่ควร ไม่ควร พูดแล้วเสียหายประเทศ”

“ประเทศแยกสามส่วน ประเทศสูงสุด ประชาชน และ regime (ระบอบการปกครอง) คือตัวแทนที่มาทำหน้าที่บริหารประเทศและดูแลประชาชน แต่ระยะหลัง regime ที่มาจากการปฏิวัติ ใช้ทรัพยากรของประเทศทำเพื่อตัวเองส่วนใหญ่ รักษาเสถียรภาพให้กับตัวเอง ทำให้เราเสียหายมากมาย และความขัดแย้งที่ไม่ยอมจบ เพราะต้องการรักษา regime มากกว่ารักษาประเทศและประชาชน เป็นสิ่งที่ต้องแยกแยะบางครั้งสังคมแยกแยะไม่ออก และผู้อำนาจบางทีไปปกป้องตัวเองแล้วคนวิจารณ์หาว่าไม่รักชาติ เขารักชาติมากกว่า แต่ไม่รัก regime เพราะ regime ไม่ดี”

เมื่อถามว่า ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาฝ่ายประชาธิปไตยก็ต่อสู้กับเผด็จการในประเทศไทย แต่ฝ่ายประชาธิปไตยมีความรู้สึกว่าแพ้ตลอด และอำนาจเผด็จการก็ยังคงอยู่ และดูเหมือนว่าจะอยู่อีกยาวมีอะไรที่จะแนะนำ นายทักษิณ กล่าวว่า “ผมต้องมาอยู่ต่างประเทศ ก็เพราะว่าความซื่อบื้อที่ไม่เข้าใจการเมืองของอีลิท (ชนชั้นนำ) ในกรุงเทพฯ และวันนี้ถึงแม้จะเข้าใจดีแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่ากลยุทธ์ก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ”

“ใครจะไปคิดว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะอยู่ถึง 5 ปี แต่ใครจะไปคิดว่า 5 ปียังถอนรากถอนโคนความเป็นประชาธิปไตยจากหัวใจของประชาชนไม่ได้ ตนเชื่อว่าประชาชนมีตัวตายตัวแทน หมดรุ่นหนึ่งก็มีอีกรุ่นหนึ่งขึ้นมา และคนรุ่นหลังๆ จะใฝ่ในประชาธิปไตย ใฝ่ในเสรีภาพในการแสดงออกทางความคิดเห็นมากขึ้นกว่าเดิม ขณะเดียวกันฝ่ายการเมืองในกรุงเทพฯ ก็พยายามจะบีบคั้นลดเสรีภาพลงไป”

ส่วนจะกลับเมืองไทยเมื่อไหร่ ทักษิณ ตอบว่า “ผมไม่ทราบ ผมต้องจุดธูป”