6 ชนวนระเบิดการเมือง เขย่าเครือข่ายอำนาจ ‘ประยุทธ์ 2’

แม้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 2/1 เพิ่งเข้าบริหารประเทศอย่างเป็นทางการ ภายหลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา 25-26 ก.ค.ข้ามคืนถึง 27 ก.ค.

กำลังถูกทดสอบภูมิต้านทานจากชนวนระเบิด ทั้งจากด้านการเมืองและด้านความมั่นคง ทั้งที่ทำงานได้เพียง 10 วัน

ร้อนที่สุดหนีไม่พ้นปมระเบิด-เพลิงไหม้มากกว่า 10 จุด ในช่วงรอยต่อวันที่ 1-2 ส.ค.ใจกลางพื้นที่ กทม. โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) สรุปตัวเลขการก่อเหตุมี 13 คดี เกิดขึ้นในพื้นที่ สน.ทุ่งสองห้อง 4 คดี สน.พญาไท 4 คดี สน.ปทุมวัน 3 คดี และ สน.ยานนาวา 2 คดี แบ่งเป็นคดีระเบิด 7 คดี และคดีวางเพลิง 6 คดี และหน้าสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมอีก 1 จุด

สิ้นเสียงระเบิด ตั้งชุดคลี่คลายคดี เพิ่มสนธิกำลัง-ทหารตำรวจ และพลเรือน ดูแลความปลอดภัยสถานที่สุ่มเสี่ยงทุกจุด

“พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น” ผบช.น.เรียกประชุมพนักงานสอบสวนรับผิดชอบคดีคนร้ายวางระเบิดและวางเพลิงในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยเบื้องต้นมีผู้ต้องสงสัยว่าเป็นมือวางระเบิดและวางเพลิงรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 10 คน

เหตุการณ์ลองของ ถูกเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สถานการณ์ดังกล่าวจึงเป็นระเบิดเวลาลูกสำคัญพิสูจน์ฝีมือ พล.อ.ประยุทธ์ และทีมว่าจะคลี่ปมระเบิดได้หรือไม่ เพราะช่วงเลือกตั้ง 1 ในแคมเปญหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐ คือ “บ้านเมืองสงบ จบที่ลุงตู่” กำลังถูกทดสอบ

และแม้ไม่มีอำนาจพิเศษ มาตรา 44 เหมือนก่อน แต่นาทีนี้ “พล.อ.ประยุทธ์” นอกจากเป็นนายกฯ-ผู้บัญชาการประเทศ ยังเป็น รมว.กลาโหม กำกับตำรวจ ดูแลกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ความมั่นคงอยู่ในมือเบ็ดเสร็จ

ขณะที่พุธนี้ 7 ส.ค. “พล.อ.ประยุทธ์” มีคิวลงใต้ มีภารกิจสำคัญเปิดศูนย์ราชการบริหารชายแดนใต้ตอนล่าง จ.ยะลา ในจังหวะที่ฝ่ายความมั่นคงเจอลูบคมถึงเมืองหลวง

ในด้านการเมืองรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กำลังเจอบททดสอบจากฝ่ายค้าน อันอาจจะเป็นชนวนระเบิดการเมืองในระยะอันใกล้ โดยเฉพาะเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณที่ 7 พรรคฝ่ายค้าน ตั้งป้อมกล่าวหาว่า พล.อ.ประยุทธ์นำคณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161

เพราะตกประโยค “ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”

7 พรรคฝ่ายค้านนัดยื่นกระทู้ถามสดต่อ “พล.อ.ประยุทธ์” ให้ชี้แจงเรื่องดังกล่าว

ถ้าชี้แจงไม่เคลียร์จะถูกนำไปสู่การซักฟอกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเดือน ก.ย.

เช่นเดียวกับการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ที่ยังมีปัญหาเรื่องชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพราะ ส.ส.พรรคเสรีรวมไทย 8 คน ยื่นเรื่องผ่าน “ชวน หลีกภัย” ประธานรัฐสภา ให้ส่งเรื่องดังกล่าวไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย เนื่องจาก คำแถลงนโยบายที่ไม่ชี้แจงรายละเอียดที่มารายได้ของโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ

ซ้ำดาบสองด้วย “นักร้อง” เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัครพรรคไทยรักษาชาติ ยื่นเรื่องร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า โดยขอให้ไต่สวน พล.อ.ประยุทธ์และชวน เพื่อส่งไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่ากระทำขัดรัฐธรรมนูญ เพราะเนื้อหาไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ แต่ยังเปิดให้รัฐบาลแถลงนโยบาย

อย่างไรก็ตาม “พล.อ.ประยุทธ์” ได้กล่าวถึงปมการถวายสัตย์ว่า “ทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญทุกประการในการถวายสัตย์ปฏิญาณต่อหน้าพระมหากษัตริย์ ซึ่ง ณ ตรงนั้นก็เสร็จไปแล้วว่าจะต้องทำอะไรในการดูแลประชาชน ข้อความต่าง ๆ ที่พูดไปแล้วถือว่าครอบคลุมทั้งหมด และเป็นไปตามรัฐธรรมนูญในการดูแลพี่น้องประชาชนคนไทย ที่สำคัญที่สุดเป็นไปตามพระปฐมบรมราชโองการ ซึ่งพระองค์ท่านรับสั่งมาให้ทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติ ซึ่งตรงกับรัฐธรรมนูญที่ระบุว่าทำเพื่อประชาชนและเพื่อประเทศ”

“ผมคิดว่าเรื่องนี้ควรจบดีกว่า อย่าให้บานปลาย หลายคนในนั้นก็เป็นทหาร ขอร้องว่าเคยเป็นพี่น้องกันมา อย่าให้การเมืองมาทำให้ประเทศชาติปั่นป่วนไปทั้งหมด ถ้าจะดีหรือไม่ดีอย่างไร ก็ให้รอเลือกตั้งคราวหน้าก็แล้วกัน” 

ปัญหาจุกอก “พล.อ.ประยุทธ์” ยังไม่จบ เพราะยังมีคดีกองไว้ที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งรอศาลวินิจฉัยอยู่ เป็นกรณีที่ “พล.อ.ประยุทธ์ถูก ส.ส.ฝ่ายค้าน 110 คน ยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตรวจสอบคุณสมบัติการเป็นนายกฯ เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ เพราะเหตุ “เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ” ตอนที่ยังเป็นหัวหน้า คสช. โดยศาลนัดให้ “พล.อ.ประยุทธ์” ส่งคำชี้แจงภายใน 15 วัน ครบกำหนด 8 ส.ค.ที่จะถึงนี้

นับรวมถึงกรณี 32 ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องกรณีถือหุ้นบริษัทที่อาจเข้าข่ายประกอบกิจการสื่อมวลชน โดยมีรัฐมนตรี 4 คนรวมอยู่ด้วย คือ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงาน และณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ และเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

เป็นอีกชนวนที่รอวันระเบิดหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเป็นลบ