“สันติ” ยันมาตรการกระตุ้นศก. ทำจีดีพีโตตามเป้า โต้ฝ่ายค้านอย่าทำให้รัฐบาลวุ่นวาย

ที่อาคารรัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย ตั้งกระทู้ถามสด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ถึงการแก้ปัญหาภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใช้งบประมาณ 3.1 แสนล้านบาท โดยมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เป็นผู้ตอบคำถามแทน

ทั้งนี้ นายศรัณย์วุฒิกล่าวว่า 5 ปีที่ผ่านมารัฐบาลที่แล้วถึงรัฐบาลปัจจุบัน ใช้มุกเดิมในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งไม่สามารถแก้ปัญหาได้ และการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ที่ใช้งบ 3.1 แสนล้านบาท แต่เป็นแค่ 0.6 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี เหมือนใช้ไม้จิ้มฟันงัดไม้ซุง ซึ่งงบไม่พอแน่นอน อยากฟังว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้จะทำอย่างไร นอกจากนี้มาตรการดังกล่าว เป็นมาตรการลดแลกแจกแถม 3 หมื่นล้าน นอกจากนั้นคือเงินกู้ ไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ กำลังปล่อยกู้ SMEs ช้าไป เพราะเจ๊งหมดแล้ว ใครจะลงทุนซื้อเครื่องจักร ให้เกษตรกรกู้เงิน กู้ไปตายเพราะไปไม่รอด เพราะตอนนี้เกษตรกรเป็นหนี้ NPL และเป็นหนี้นอกระบบ อีกทั้ง มาตรการที่แจกเงินให้คนไปเที่ยว แล้วคนจะเอาเงินที่ไหนไปเที่ยวเพราะคนเป็นหนี้สิน จะแก้ปัญหาอย่างไร

นายสันติกล่าวว่า เศรษฐกิจของไทย ยอมรับว่าขณะนี้กำลังชะลอตัว เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกประสบภาวะผันผวนมีปัญหาเรื่องสงครามทางเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจ ส่งผลกระทบถึงประเทศไทยและสงครามการค้าเกิดขึ้นมาระยะหนึ่ง อีกทั้งไทยมีอาชีพเกษตรกรรม และอุตสาหกรรม เมื่อสังคมโลกเกิดภาวะสงครามการค้า ทำให้ทุกประเทศระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย ส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้า โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ดังนั้น รัฐบาลเร่งรัดในการแก้ปัญหาเหล่านี้ให้ดีขึ้น โดยการผลักดันและมีงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้เกิดการสร้างงานในชนบท และกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย เพื่อให้การบริโภคมีศักยภาพมากขึ้น คาดว่าในไตรมาสสุดท้ายจะเป็นร้อยละ 3.0 ต่อปี ซึ่งเศรษฐกิจมีทิศทางที่เติบโตขึ้น

“มติ ครม.ที่อนุมัติมาตรการดังกล่าว ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นในระดับหนึ่ง เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น และ ต.ค. พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 จะเข้าสู่การพิจารณาสภา จะทำให้มีงบประมาณออกมาใช้ในตลาด และทำให้เม็ดเงินลงสู่ภูมิภาค ทำให้เศรษฐกิจของประเทศสามารถคลายตัวได้ นอกจากนี้ รัฐบาลกำลังเร่งรัดโครงการต่างๆ ของรัฐและรัฐวิสาหกิจ เร่งทำสัญญา ให้สร้างงานในพื้นที่ได้” นายสันติกล่าว

นายสันติกล่าวว่า ส่วนที่บอกว่าไทยมีจีดีพีต่ำสุดในอาเซียนไม่เป็นความจริง จีดีพีของไทยในไตรมาสสอง ปรับตัวสูงขึ้น ถึง 1.1 เปอร์เซ็นต์ สิงคโปร์เพิ่มขึ้น 0.1 เปอร์เซ็นต์ เยอรมันติดลบ 1 เปอร์เซ็นต์ สืบเนื่องจากสงครามการค้า ส่วนที่กล่าวหาเรื่องกู้เงิน ในภาวะเศรษฐกิจของโลกถดถอย กำลังซื้อของโลกลดลง ทำให้ส่งผลกระทบมาสู่ประเทศไทย แต่รัฐบาลนี้และรัฐบาลที่ผ่านมาได้เจาะตลาดต่างประเทศ ส่งเสริมให้นักลงทุนไทยไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อเจาะตลาดใหม่ๆ เสริมในอุตสาหกรรมของไทย ทำให้ภาคการส่งออกลดลงไม่มากอย่างที่ควรจะเป็น นอกจากนี้ รัฐบาลกำลังเร่งรัดให้เกิดการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน เปลี่ยนเครื่องมือที่เก่าไม่ทันสมัย ให้ทันสมัย ให้เกิดการจับจ่ายใช้สอย เมื่อรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลประชาธิปไตยจากการเลือกตั้ง ต่างชาติก็เชื่อถือและนำเงินมาลงทุนในทุกรูปแบบ สะท้อนจากภาคเอกชนที่ขอการสนับสนุนบีโอไอมีถึง 100.9 เปอร์เซ็นต์

“เศรษฐกิจของไทยผูกโยงกับเศรษฐกิจโลก แน่นอนที่สุดก็ต้องกระทบ ผมอยากวิงวอนฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านต้องช่วยกัน ไม่ใช่เอาเรื่องเอาเรื่องบางเรื่องมาทำให้รัฐบาลวุ่นวาย” นายสันติกล่าว