รายงานพิเศษ
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
แม้ว่าปมถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 อาจจะจบลงที่ศาลรัฐธรรมนูญ ตามคำพยากรณ์ของ “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี เนติบริกรประจำทำเนียบรัฐบาล
แต่ ส.ส. 214 คนจาก 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยพรรคเพื่อไทย เลือกใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญ 152 เปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ให้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ตอบคำถามคาใจกลางสภา
รัฐธรรมนูญมาตรา 152 กำหนดว่า “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจํานวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร จะเข้าชื่อกันเพื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติก็ได้”
กลายเป็นศึกยก 2 ที่ฝ่ายค้าน “บังคับ” ให้ “พล.อ.ประยุทธ์” ต้องขึ้นเวทีตอบการซักฟอกฝ่ายค้าน แทนการเด้งเชือกหลบการตอบคำถามนอกเวที
แม้ว่าในมาตรา 152 มีช่องโหว่ตรงถ้อยคำที่ว่า “อภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี” โดยไม่ระบุว่า “นายกรัฐมนตรี” จะต้องมาตอบด้วยตนเอง
ฝ่ายค้านประเมินว่า “พล.อ.ประยุทธ์” ในหมวกของ “หัวหน้ารัฐบาล” การจะหนีสภา ไม่มาตอบคำถาม โอกาสเกิดขึ้นได้น้อย ฝ่ายค้านจึงเฟ้น “หัวหอก” ซักฟอก 10-15 คน จัดเต็มอีกรอบ
ตั้งทีมซักฟอก 15 คน
“สุทิน คลังแสง” ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กางแผนการ “ซักฟอก” ของฝ่ายค้านว่า ไม่ได้เตรียมตัวมากนัก เพราะมีข้อมูลปรากฏครบถ้วนอยู่แล้ว แต่การอภิปรายคาดว่าจะใช้เวลา 2 วันเป็นอย่างต่ำ แต่ไม่ควรเกิน 3 วัน เพราะเผื่อเวลาให้ฝ่ายรัฐบาลตอบคำถาม โดยฝ่ายค้านเตรียมคนอภิปรายเบื้องต้นไว้ 10-15 คน
เรื่องหลักมี 2 เรื่อง 1.ถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ 2.แถลงนโยบายไม่ชี้แจงที่มาแจงแหล่งที่มาของงบประมาณ และมีประเด็นย่อยที่ต้องถามรัฐบาลเพิ่มเติมเนื่องจากการแถลงนโยบายไม่ชี้แจงที่มาแจงแหล่งที่มาของงบประมาณเกี่ยวพันกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพราะยุทธศาสตร์ชาติผูกโยงการใช้งบประมาณไว้หลายจุด รวมถึงนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ
“แต่คำขอเปิดอภิปรายไม่ได้เขียนรวมไว้ แต่เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน และถ้าทำให้ประเด็นหลักกระจ่าง ประเด็นรองก็ต้องถาม” สุทินกล่าว
ฉวยซักฟอกมาตรการปลุก ศก.
ในเวลาเดียวกัน รัฐบาลคลอดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 3 แสนล้านบาท กดปุ่มแจกเงินเข้าบัตรคนจน-คนชรา-ค่าเลี้ยงดูบุตร แจกเงินกระตุ้นท่องเที่ยว “ชิม ช็อป ใช้” หัวละ 1,000 บาท 10 ล้านคน อันเป็นเรื่องที่ฝ่ายค้านไม่พลาดที่จะฉวยจังหวะนี้มา “ซักฟอก” รัฐบาล
ประธานวิปฝ่ายค้านเปิดเผยตรง ๆ ว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 3 แสนล้านก็จะรวมอยู่ด้วย เพราะตอนแถลงนโยบายรัฐบาลไม่ได้บอกเรื่องนี้ แต่เวลานี้สภา ประชาชน ไม่รู้เลยว่ารัฐบาลนำเงินดังกล่าวมาจากไหน นี่คือปัญหาการแถลงนโยบายที่ไม่ระบุที่มาของเงิน อาจทำให้เกิดความไม่โปร่งใส สังคมตรวจสอบไม่ได้
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ต้องถามเป็นแนวทางไว้ในหลักการกว้าง ๆ เช่น การขาดดุลงบประมาณที่ตั้งไว้สูงถึง 4 แสนล้านบาท จะเอางบฯมาจากไหน จะกู้จากแหล่งไหน ประมาณการรายรับเท่าไหร่
“ถ้าวันนี้ยังตอบไม่ได้อีกไม่นาน พ.ร.บ.รายจ่ายประจำปี”63 เข้าสภาแล้วจะตอบได้แล้ว ถ้าตอบไม่ได้จะเป็นรัฐบาลได้อย่างไร เพราะมาตรา 152 เปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านเสนอแนะฝ่ายรัฐบาลได้จึงต้องซักกันตรงนี้”
แม้ว่าตอนแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์-กุนซือเศรษฐกิจรัฐบาล ชี้แจงแหล่งที่มารายได้มาจากการเก็บภาษี แต่ฝ่ายค้านเห็นว่าไม่เพียงพอ
“ตอบแบบกำปั้นทุบดิน ใครก็พูดได้ เช่น นโยบายที่แจกเงินในบัตรคนจน จะเอาเงินจากหมวดไหนมาเติม งบฯประเทศมีงบฯรายจ่าย งบฯลงทุน งบฯกลาง จะนำงบฯจากไหนมาทำประกันราคาสินค้าเกษตร ถ้าบอกแค่เอาเงินมาจากภาษีอากรใครก็พูดได้ แต่ต้องไปดูให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ”
“สุทิน” ประเมินผลลัพธ์การซักฟอก ต้องการสร้างบรรทัดฐานทางกฎหมาย ทางประเพณีที่ถูกต้องไว้กับบ้านเมือง ถ้าปล่อยไปเฉย ๆ ต่อไปคนก็ไม่เคารพรัฐธรรมนูญ และยังต้องการปราม พล.อ.ประยุทธ์ เพราะชอบละเมิดกฎหมาย ถ้าปล่อยไปเที่ยวนี้ไม่รู้วันข้างหน้าจะละเมิดอะไรอีกบ้าง
ขัดจริยธรรม-ขัดรัฐธรรมนูญ
ขณะที่ “ชวลิต วิชยสุทธิ์” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะวิปฝ่ายค้าน ได้รับมอบหมายให้อภิปรายปม “พล.อ.ประยุทธ์” ถวายสัตย์ฯไม่ครบ ยกเหตุผลที่ต้องขยี้ปมดังกล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญมาตรา 5 ระบุว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับ หรือการกระทําใด ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ บทบัญญัติหรือการกระทํานั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้ ดังนั้น เมื่อถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ ขัดมาตรา 161 แปลว่าการแถลงนโยบาย มติ ครม.ที่ออกมา พ.ร.บ.งบประมาณ ก็จะเป็นโมฆะ ต่างประเทศจะกล้ามาลงทุนได้อย่างไร เมื่อรัฐบาลยังหมิ่นเหม่ผิดกฎหมาย
“เมื่อทำผิดรัฐธรรมนูญ ถือว่าขัดมาตรฐานทางจริยธรรมถึงขั้นถอดถอนได้ ยังไม่รวมถึงสิ่งที่ต้องฟังจากสิ่งที่รัฐบาลตอบว่าจะใช้ช่องทางไหนในการอภิปรายได้อีก แต่แค่ 2 ช่องทางก็เหลือกำลังแล้ว เพราะบริหารบ้านเมืองไม่ได้แล้ว จะบอกว่ารอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติก่อน ก็ไม่ใช่องค์กรในการวินิจฉัย เพราะต้องส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา บ้านเมืองไม่สามารถรอได้ เมื่อรู้ว่าตนเอง ไม่ได้ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 ก็ต้องรับผิดชอบจริง ๆ ถ้ายอมตั้งแต่ต้นโดยขอพระราชทานอภัยโทษและขอเข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ เรื่องไม่น่ายืดยาวมาถึงขนาดนี้ ถ้าทำถูกต้องจริงต้องบอกมาตั้งแต่ต้น”
“ไม่ใช่บอกว่ายอมรับผิด ถ้ายอมรับผิดแล้วอยู่เฉยได้อย่างไร”
วิปรัฐบาลสั่ง ส.ส.อภิปรายสู้
ขณะที่ “วิรัช รัตนเศรษฐ” ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ประกาศเตรียมพร้อมรับมือการอภิปรายของฝ่ายค้าน แต่เบื้องต้นต้องดูญัตติของฝ่ายค้านว่ายื่นอย่างไร ยังพอมีเวลาที่จะปรึกษาหารือ เพราะตราบใดที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรยังไม่มีการบรรจุวาระ กระบวนการยังไม่เริ่มต้นนับ 1 ซึ่งขณะนี้ยังไม่รู้ว่าฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายในประเด็นใดบ้างนอกจาก 2 เรื่องที่ฝ่ายค้านประกาศไป ดังนั้น ฝ่ายรัฐบาลไม่มีอะไรต้องกังวล และได้เตรียมการรับมือหลวม ๆ ไว้เบื้องต้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้รัฐธรรมนูญ 152 บัญญัติให้ฝ่ายค้านอภิปรายรัฐบาลทั่วไปโดยไม่ลงมติ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะห้ามฝ่าย ส.ส.รัฐบาลอภิปราย สามารถใช้สิทธิสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอภิปรายได้
แม้ว่าฝ่ายค้านขยายแผลจากปมการเมือง ไปสู่ปมเศรษฐกิจ จำเป็นที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจะต้อง “ตั้งทีมอารักขา” เหมือนการอภิปรายแถลงนโยบายหรือไม่ “วิรัช” ตอบว่า
“ถ้าฝ่ายค้านอภิปรายอยู่ในข้อบังคับ และอยู่ในประเด็นที่ยื่นขออภิปราย ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลก็ไม่ประท้วง แต่ยืนยันว่า ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลก็มีสิทธิอภิปรายได้เช่นกัน”
ศึกอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ฝ่ายค้านไม่กะน็อกรัฐบาล แค่หวังเปิดแผล-ไล่ต้อนรัฐบาลเข้ามุมก่อนขึ้นยกถัดไปคืออภิปรายงบประมาณปี”63 และอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลยพิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat
หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!