กอบศักดิ์ : มั่นใจเศรษฐกิจไทยไม่วิกฤต แค่ชะลอตัว เหมือนเป็นไข้ กินยาแก้หวัดก็หาย

สัมภาษณ์พิเศษ

โดย ปิยะ สารสุวรรณ

อุณหภูมิการเมืองร้อนแรง “ตีคู่” เศรษฐกิจไทย-เศรษฐกิจโลก จากผลกระทบของสงครามการค้า-สงครามค่าเงิน ระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน

“กอบศักดิ์ ภูตระกูล” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง-มือขวา “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) วิเคราะห์เศรษฐกิจไทยท่ามกลางเขาควาย-เศรษฐกิจโลก หลังผ่าน “ครม.เศรษฐกิจ” นัดแรก

ปีนี้ 3% ปีหน้า 3.5%

“กอบศักดิ์” บอกว่า หัวใจ คือ หนึ่ง ให้ ครม.เศรษฐกิจ เห็นภาพตรงกันว่า เกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ สอง เป้าหมายร่วมกัน-ตรงกัน เพราะรัฐบาลผสมหลายพรรคมีความเสี่ยง

เป้าหมายรวมเดียวกัน-ตรงกัน คือ การขยายตัวเศรษฐกิจปีนี้ 3% ปีหน้า 3.5% ด้วยแรงส่งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 3 แสนล้านบาท

“ถ้าไม่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ทำอะไรเลย เศรษฐกิจปีนี้จะโต 2.7% แต่เมื่อมีมาตรการออกมา 3 แสนล้าน ส่งผลบวกต่อการขยายตัว 0.4-0.5 เปอร์เซ็นต์ จึงมั่นใจว่าปีนี้จะได้ 3%”

“ถ้าต่างคนต่างทำ แข่งขัน ทำให้การทำงานร่วมหายไป ไม่มีพลัง ซึ่งหลายเรื่องต้องอาศัยการทำงานร่วมกันจึงจะเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง”

“ไตรมาส 2 การเบิกจ่ายรัฐบาลไม่ดี ไม่มีใครขับเคลื่อน แต่ตอนนี้มีคนขับเคลื่อนแล้ว หัวใจ คือ ขับเคลื่อนโครงการลงทุน โครงการรัฐบาล ปีนี้เมื่อรวมมาตรการของกระทรวงการคลัง การขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ของทุกกระทรวง ยังไงก็ได้ 3%”

แจกเป้า 7 ด้านดัน ศก.

สำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปี”62-63 จำนวน 7 ด้าน ได้แก่ การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย การช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการ การยกระดับราคาสินค้าเกษตร การส่งออก การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ การท่องเที่ยว และการลงทุนภาคเอกชน

“การส่งออกครึ่งหลังของปีต้องได้ 3% ปีหน้า 3.5% ทั้งปี นักท่องเที่ยวครึ่งปีหลัง 20 ล้านคน ปีหน้า 41.8 ล้านคน”

“คนที่อยู่ข้างบน เจ้าสัวไปได้ ไม่มีปัญหา บริหารจัดการได้ ตรงกลางปรับตัวได้ แต่ข้างล่างมีปัญหา ปรับตัวไม่ได้ เกษตรกร ผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุ จึงต้องมีมาตรการกระทรวงการคลังเพื่อประกาศว่าคนขับเคลื่อนกลับมาแล้ว”

“ธุรกิจมีขึ้นมีลง ขอให้อย่าลงจนเกิดวิกฤตเราปรับตัวได้ ครั้งนี้ไม่ใช่วิกฤต แค่ชะลอ ธุรกิจรับได้อยู่แล้ว อาจจะต่อไปอีก 1-2 ปี เพราะเวลาเศรษฐกิจมันแย่ มันต่อเนื่อง แต่ไม่ใช่ 5 ปี”

“ต้องอ่านให้ออกว่าเกิดอะไรขึ้น เป็นวิกฤตหรือเป็นการชะลอตัว ถ้าเป็นวิกฤตเหมือนปี 2008 หรือวิกฤตปี 2540 แบงก์ล้ม กว่าจะแก้ไขได้ต้องใช้เวลา 5 ปีถึงจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เหมือนเป็นมะเร็งต้องผ่าตัด ถ้าเศรษฐกิจชะลอตัว ลดดอกเบี้ย เร่งใช้จ่าย เหมือนเป็นไข้หวัด กินยาแก้หวัดก็หาย”

ย้ายฐานครั้งใหญ่รอบ 20 ปี

การประชุม “ครม.เศรษฐกิจ” ครั้งถัดไปในวันที่ 30 ก.ย. มี 2 นโยบายที่สำคัญต้องขับเคลื่อน ได้แก่ การลงทุนและการส่งออก เพราะท่ามกลางเศรษฐกิจโลกขาลง แต่ประเทศไทยอยู่ในจุดศูนย์กลางของประเทศที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 7%

“นักธุรกิจต้องดูให้ออกมีโอกาสในวิกฤตอยู่ตรงไหน โอกาสมีเสมอ แต่เห็นโอกาสนั้นหรือไม่ ส่งออกคือโอกาส ไปอเมริกา ไปจีน การค้าชายแดน CLMV บังกลาเทศและอินเดีย”

“นักลงทุนกำลังย้ายฐานครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี เพราะสงครามการค้า สงครามเกาหลี-ญี่ปุ่น และความวุ่นวายทางการเมืองในฮ่องกง ไม่มีโอกาสครั้งใดที่ดีเท่าโอกาสในครั้งนี้อีกแล้ว”

“ทำอย่างไรให้บีโอไอเปลี่ยนจากโหมดปกติ เปลี่ยนจากใช้เบ็ดตกปลาเป็นแหตกปลา เป็นยาแรงเพื่อให้นักธุรกิจย้ายฐานมาประเทศไทย”

ตั้งทีมจีบนักลงทุน

“พล.อ.ประยุทธ์” จะออกคำสั่งแต่งตั้ง “ทีมย้ายฐาน” เพื่อรับผิดชอบการย้ายฐาน-กระบวนการปรับปรุงขีดความสามารถทางการแข่งขันเพื่อดึงดูดนักลงทุน แข่งขันกับเวียดนามและอินโดนีเซีย หัวใจ คือ ประเทศไทยจะเป็นไข่แดงของภูมิภาค

รวมถึงคณะติดตาม มี “กอบศักดิ์” เป็นหัวหน้าสตาฟเพื่อตามงาน โดยรายงานข้อมูลเศรษฐกิจในทุกเดือน และความคืบหน้าของมาตรการเพื่อเดินหน้า “เป็นโอกาสที่สดใสที่สุดในรอบ 20 ปี”

ขณะที่การประชุม “ครม.เศรษฐกิจ” ครั้งที่ 3-กลางเดือนกันยายน การขับเคลื่อนเรื่องการท่องเที่ยวและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน “พ.ย.-ธ.ค. 62 และ ม.ค. 63 จะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวมาเมืองไทย ฮ่องกงไปไม่ได้แล้ว จีนไม่ให้ไปฮ่องกง เป็นโอกาสที่ดี เร่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่ในแผนทั้งหมด”

เศรษฐกิจชะลอ-ไม่ใช่วิกฤต

“กอบศักดิ์” ฟันธงว่า ที่กำลังเกิดขณะนี้เป็นเพียงการชะลอตัวของเศรษฐกิจ เป็นขาลง ไม่ใช่วิกฤต เพราะโอกาสการเกิดวิกฤตคือการสะสมปัญหา 10 ปีที่ผ่านมาประเทศใหญ่ไม่มีระเบิดเวลา

“ถามว่า 10 ปีที่ผ่านมาใครสะสมปัญหาที่ไหนบ้าง เพราะอเมริกาไม่ลงทุน ยุโรปไม่ลงทุน ญี่ปุ่นไม่ทำอะไรเลย ประเทศใหญ่ ๆ ด้านการเงินไม่มีการสุ่มเสี่ยง มีแต่ประเทศตลาดเกิดใหม่ที่กู้เงินมาเยอะจนเกิดปัญหาไปแล้ว”

สงครามการค้าไม่ใช่วิกฤต

ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ “กอบศักดิ์” วิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในขณะนี้ว่า เศรษฐกิจโลกไม่ดีกว่าที่คิดไว้ สัญญาณต่าง ๆ ชะลอตัวลง 4 ไตรมาส แต่ไม่ใช่วิกฤต เป็นการชะลอตัว เป็นปรากฏการณ์ปกติที่มีขึ้น มีลง เป็น down circle เป็นช่วงขาลง ท่ามกลางความอ่อนตัวทางเศรษฐกิจมากกว่าที่คาดไว้ ยังมีปัจจัยเพิ่มเรื่อง “สงครามการค้า”

สงครามการค้ายืดเยื้อ 5 ปี

“ถ้าทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้ง หมายความว่า สงครามการค้าจะต่อเนื่องไปอีก 5 ปี ยิ่งใกล้เลือกตั้งเท่าไหร่ สงครามการค้าก็จะรุนแรงขึ้น แต่ถ้าแพ้นักธุรกิจจะไม่ย้ายฐานมา”

มาตรการกีดกันทางการค้า-ตอบโต้ทางเศรษฐกิจไปมาระหว่างจีนกับสหรัฐ โดยการตั้ง “กำแพงภาษี” เป็นเกมของสองประเทศ แต่เมื่อใดที่มีการใช้เครื่องมือค่าเงิน-สงครามค่าเงินเป็นเรื่องที่กระทบกับเศรษฐกิจไทยอย่างปฏิเสธไม่ได้

“ขณะที่จีนกับสหรัฐทำสงครามทางการค้า สินค้าส่งออกของไทยบางตัวได้ประโยชน์เพราะไทยเป็นฐานการผลิต”

กระทบส่งออก-ท่องเที่ยว

“เกมมาตรการทางภาษี ผมไม่ตื่นเต้น แต่ช่วงหลังจีนใช้ค่าเงินตอบโต้สหรัฐ ทำให้เราลำบาก ไม่สามารถทำอะไรได้มาก เพราะกระทบกับภาคการส่งออกและภาคการท่องเที่ยว”

สิ่งที่รัฐบาลต้องทำ คือ 1.เร่งโครงการลงทุนขนาดใหญ่ 2.ลดดอกเบี้ยนโยบาย 3.ลงทุนต่างประเทศ 4.เอกชนไทยลงทุนต่างประเทศ 5.เร่งชำระหนี้ และควบคุมการไหลเข้า-ออกของค่าเงินบาทด้วยมาตรการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

“ถ้าเดินไปตามแผนและเป้าหมายที่วางไว้ 2-3 เดือนทุกอย่างจะเข้าที่ (รัฐบาล) เป็นทีมมากขึ้น ทั้งหมดเป็นโอกาส ต้องมองให้ออก ความกลัวจะหายไป ทุกครั้งมีโอกาส เราเห็นหรือไม่ มีโอกาสอีกเยอะช่วงนี้ ถ้าใจนิ่ง ๆ”