เมื่อเวลา 13.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย ตัวแทน 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้ร่วมประชุมด่วนภายหลัง พล.ต.บุรินทร์ ทองประไพ ผู้ชำนาญการสำนักงาน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับแกนนำพรรคฝ่ายค้านและนักวิชาการ จำนวน 12 คน ในความผิดตามมาตรา 116 เนื่องจากจัดเวทีเสวนา “พลวัตแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สู่นับหนึ่งรัฐธรรมนูญใหม่” ในพื้นที่ จ.ปัตตานี โดยมีเนื้อหายุยง ปลุกปั่น
ภายหลังการประชุม ตัวแทน 7 พรรคฝ่ายค้าน ประกอบด้วย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคในฐานะประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคพท. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ (ปช.) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคพท. นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ (พช.) นายสมพงษ์ สระกวี ตัวแทนพรรคเสรีรวมไทย และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคพท. ร่วมแถลงภายหลังการประชุมแกนนำ
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- หุ้นกู้ออกใหม่ 12 บริษัทแห่ขายเดือน เม.ย.นี้ จ่ายดอกเบี้ยสูงสุด 7.40%
โดยนายชูศักดิ์แถลงว่า ใครที่เรียนกฎหมายทราบดีว่าประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 นั้น กำหนดความผิดไว้ว่านอกเหนือมีเจตนาธรรมดา ยังต้องมีมูลเหตุจูงใจ หรือเจตนาพิเศษ 3 ประการ 1.กระทำเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแผ่นดิน กฎหมายบ้านเมืองของแผ่นดิน กระทำเพื่อใช้กำลังข่มขืนใจ ประทุษร้าย
2.ต้องกระทำเพื่อสร้างความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดก่อความไม่สงบขึ้นในบ้านเมือง 3.กระทำไปเพื่อละเมิดกฎหมายแผ่นดิน อย่างไรก็ตาม การจัดเสวนาในที่สาธารณะของตัวแทนพรรคการเมือง 7 พรรค ตัวแทนนักวิชาการ ไม่มีมูลเหตุจูงใจ 3 ประการ จึงไม่เข้าองค์ปะกอบของความผิดมาตรา 116
“ตั้งแต่มีการยึดอำนาจ คสช.ได้ใช้อำนาจกฎหมายที่ตัวเองมีอยู่แจ้งความดำเนินคดีกับประชาชน นิสิตนักศึกษา นักการเมือง ตามมาตรา 116 เป็นจำนวนมาก ล่าสุดศาลยกฟ้องหลายกรณี เช่น ยกฟ้องแกนนำพรรคเพื่อไทยที่แถลง 4 ปี คสช. เท่ากับว่า ที่ผ่านมาใช้มาตรานี้เป็นเครื่องมือทางการเมืองสำหรับบุคคลที่มีอำนาจ เพื่อแจ้งความ อย่างน้อยปิดปากให้เขากลัวจะได้ไม่ต้องดำเนินการใดๆ ต่อไปในอนาคต การแจ้งความที่ผ่านมา ไม่มีมูลตามกฎหมาย เป็นปัญหาทางการเมืองที่รัฐบาลพยายามใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองต่อไป” ชูศักดิ์ กล่าว
ด้านนายปิยบุตร กล่าวว่า ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ด้านกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร พล.ต.บุรินทร์มาให้การต่อ กมธ.ชุดนี้ ว่าท่านอ่านกฎหมายอย่างไร ดูองค์ประกอบความผิด ตามมาตรา 116 อย่างไร ทำไมถึงเที่ยวไปแจ้งความเต็มไปหมด สุดท้ายทั้งอัยการก็ไม่ฟ้อง ศาลก็ยกฟ้อง แต่ตัวท่านกลับได้ดิบได้ดีขึ้นเป็นพลตรีจนถึงวันนี้ ซึ่งขณะนี้ได้รับการร้องเรียนเข้ามายัง กมธ. เกี่ยวกับกรณีที่นายทหารของ คสช.เที่ยวไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษบุคคลจำนวนมาก จนพวกเขาเสียเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และทำให้เสียเวลาในการขึ้นศาล หากเรื่องนี้บรรจุเข้าระเบียบวาระ คงต้องมีการเรียก
“การแจ้งความ 7 พรรคฝ่ายค้าน เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่รัฐบาลขาลง จึงมีสาเหตุสำคัญ 2 ประการ 1.ต้องการกลบเกลื่อนช่วงขาลงของรัฐบาลชุดนี้ บังเอิญขาลงมันมาเร็วผิดปกติ หลังเป็นรัฐบาลไม่กี่เดือนเท่านั้น ทั้งการบริหารงานที่ผิดพลาด การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ นโยบาย ชิม ช้อป ใช้ ที่ไม่ได้ผล ต่างๆ นานา” นายปิยบุตร กล่าว
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการร้องทุกข์กล่าวโทษโดย กอ.รมน. ซึ่งนายกฯเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ดังนั้นเท่ากับว่านายกฯเป็นผู้สั่งการให้มีการดำเนินคดี ซึ่งการแสดงความเห็นตามสิทธิเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นสิ่งที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ การใช้กฎหมาย และยังเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลด้วย ดังนั้น วันนี้ที่เรารณรงค์กันก็เพื่อต้องการหลอมรวมสติปัญญาของประชาชน เพราะความมั่นคงของประชาชน คือความมั่นคงของประเทศ ไม่ใช่ของ พล.อ.ประยุทธ์ การที่ กอ.รมน.มาฟ้องร้องเช่นนี้ ตัวผู้แจ้งความ และนายกฯ กำลังจะบิดเบือนเจตนารมย์ของกฎหมาย ในฐานะผู้ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษซึ่งเป็นหัวหน้าพรรค และนักวิชาการ เราจำเป็นต้องเอาสติปัญญาความคิดของคนทั้งประเทศ เพื่อให้เห็นว่าความมั่นคงของประชาชนเท่านั้นคือความมั่นคงของประเทศ ไม่ใช่ของรัฐบาล
“ดังนั้น 1.ผู้ถูกกล่าวหาจะต่อสู้ทางกฎหมายหากมีการเรียกไปสอบสวน และ 2.เรามองว่าการแจ้งความเป็นการแจ้งความเท็จในหลายประเด็น เพื่อข่มขู่ ไม่ให้บ้านเมืองเกิดการพัฒนา และข่มขู่ไม่ให้มีการแสดงความเห็น ซึ่งเราจะดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้แจ้งความเท็จทั้งคนแจ้งความ และผู้มีอำนาจ รวมถึงพิจารณาไปถึงนายกฯ หรือไม่ ก็ต้องดำเนินคดี”
ด้าน พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ห่วงใย พล.ต.บุรินทร์ และ พิจารณาส่งเจ้าหน้าที่มาดำเนินคดีต่อประชาชน บุคคลที่ได้รับมอบมาไม่น่าจะแตกฉานในข้อกฎหมายด้านความมั่นคง แทนที่จะเป็นการแก้ปัญหา แต่จะเป็นเงื่อนไขย้อนกลับไปสร้างปัญหามากขึ้นทำให้ผู้บังคับบัญชาเดือดร้อนเสียเอง นับตั้งแต่บัดนี้พรรคร่วมฝ่ายค้าน จะมีมาตรการตอบโต้ ดังนั้น ในวันที่ 6 ต.ค..7 พรรคฝ่ายค้านจะไปร้องทุกข์กล่าวโทษนายทหารที่มาแจ้งความ 7 พรรคฝ่ายค้าน
“ขอให้ใช้ดุลพินิจศึกษากฎหมายมากว่านี้ ถ้าจะทำตามใบสั่ง ต่อไปข้างหน้าจะเป็นทุกขัง อนิจจัง ต่อไปการทำงานในราชการจะไม่ราบรื่น และผู้บังคับบัญชาที่จะใช้บุคลากรในเงื่อนไขปัญหาความมั่นคงขอให้ใช้เจ้าหน้าที่ที่มีจิตสำนึก ตระหนักครรลองประชาธิปไตย การใช้อำนาจที่ไปละเมิดสิทธิของประชาชนต้องระวัง” พล.ท.ภราดร กล่าว