“ธนาธร” ยันความบริสุทธิ์ ไม่ได้บริหาร วี-ลัค มีหน้าที่แค่เซ็นเช็คขายหุ้น เมียเป็นคนจัดการ

เวลา 09.00 น.วันที่ 18 ตุลาคม 2562 ศาลรัฐธรรมนูญได้นัดไต่สวน พยานจำนวน 10 ปากในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้พิจารณาว่า ความเป็นส.ส.ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98(3) เนื่องจากถือหุ้นสื่อ บริษัทวี-ลัค มีเดีย จำกัด เข้าลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. หรือไม่ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีมติรับคำร้องเมื่อวันที่ 23 พ.ค.และสั่งนายธนาธรหยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.

ทั้งนี้ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นัดไต่สวนพยานบุคคลของศาลจำนวน 10 ปาก ในกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นขอให้ศาลวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กรณีถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจสื่อสารมวลชนสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่

ทั้งนี้สำหรับรายชื่อพยาน 10 ปากที่ศาลนัดไต่สวนในวันนี้ ประกอบด้วย 1.นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ 2.นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ 3.นางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ 4.นายปิติ จรุงสถิตย์พงศ์ หลานที่รับโอนหุ้น 5.นายทวี จรุงสถิตย์พงศ์ หลานที่รับโอนหุ้น 6. น.ส.ลาวัลย์ จันทร์เกษม พนักงานวี-ลัค 7.น.ส.กานต์ฐิตา อ่วมขำ พนักงานวี-ลัค 8.นายณัฐนนท์ อภินันท์ ทนาย 9.นายพิพัฒพงศ์ รุจิตานนท์ ทนาย 10.นายชัยสิทธิ์ กล้าหาญ คนขับรถ
ปรากฏว่า นางสมพร และนางรวิพรรณ แม่และภรรยาของนายธนาธร เดินทางมาถึงตั้งแต่เวลา 07.40 น. โดยมีพยาบาลมาคอยดูแลนางสมพรด้วย ส่วนนายธนาธรเดินทางมาถึงในเวลา 08.30 น

นายธนาธร ให้สัมภาษณ์ ว่า เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ ในหลักฐานของเรา เพราะถ้าไปดูเอกสารที่ตนนำมาหักล้างข้อกล่าวหา จนถึงทุกวันนี้ ไม่มีใคร มีพยาน หลักฐานอะไร มาหักล้างสิ่งที่เราแสดงได้ จึงต้องดูว่า ศาลจะมีอะไรมาหักล้าง โดยได้ส่งเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ให้ศาลหมดแล้ว

อย่างกรณีบริษัทวี-ลัค เป็นสื่อหรือไม่ จริงๆ บริษัทได้แจ้งหยุดดำเนินกิจการตั้งแต่เดือน พ.ย.ไปแล้วไม่มีการดำเนินการ ไม่มีพนักงาน เมื่อปิดดำเนินการ ก็ถือว่าไม่เป็นสื่อแล้วและถ้าไปดูในรายละเอียดบริษัททำอะไร มีคำพิพากษาศาลฎีกากรณีตัดสิทธิ์การลงสมัครส.ส.ของนายภูเบศวร์ เห็นหลอด ศาลระบุว่า แม้มีวัตถุประสงค์ของบริษัททำสื่อแต่ข้อเท็จจริงทำรับเหมาก็ถือว่าเข้าข่ายต้องห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แต่เมื่อเราเอามาตรฐานนี้ไปใช้ในการร้อง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ต่อศาลรัฐธรรมนูญๆชี้ว่าดูแต่ตัวอักษรไม่ได้ ต้องดูว่าทำกิจการสื่อจริงหรือไม่ ซึ่งกรณีนี้หากเอามาใช้กับบริษัทวี-ลัคที่รับจ้างผลิตหนังสือ ให้กับบริษัท นกแอร์ และปิดกิจการไปแล้วตั้งแต่เดือนพ.ย.ข้อนี้ศาลจะตีความอย่างไร

ส่วนใครที่เอาเอกสารบอจ. 5 มาอ้างก็มีกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยเรื่องความเป็นรัฐมนตรีของนายดอน ปรมัตถ์วินัยไม่สิ้นสุดลงโดยศาลบอกว่าดูเเค่ตราสารการโอนหุ้นก็พอไม่ต้องดูเอกสารบอจ. 5 ดังนั้น เราจึงยืนยันในความบริสุทธิ์ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แม่และภรรยา ก็เตรียมตัวพร้อมอย่างดี ส่วนที่ตนนำสำนวนมาเปิดเผยนั้นก็ต้องการให้สาธารณชนได้ดูเพราะเห็นว่าที่ผ่านมาได้ชี้แจงอธิบายไปมากแล้ว ฝ่ายกล่าวหาโจมตีก็ไม่เคยมีพยานหลักฐานมาหักล้าง มีแต่พูดว่าผิดตรงนั้นตรงนี้จึงอยากให้สาธารณชนช่วยพิจารณา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นในเวลา 09.30 น. นายธนาธรได้ขึ้นเบิกความชี้แจงต่อศาล โดยเบื้องต้นยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในบริษัทวี-ลัคมีเดียซึ่งเป็นธุรกิจหนึ่งของครอบครัว และตนไม่ใช่ผู้บริหาร แต่ภรรยาตนเป็นผู้บริหารตามคำชักชวนของมารดาของตน และภายหลังได้ถือหุ้น ส่วนเรื่องการขายหุ้นวี-ลัคมีเดีย ที่เกิดขึ้นในวันที่ 8 ม.ค.2562 เป็นเพียงแค่วันธรรมดาวันหนึ่ง โดยออกจากบุรีรัมย์ประมาณ 11.00 น. และถึงบ้านที่ กทม.16.00 น. ซึ่งนัดหมายการโอนหุ้นในเวลา 17.00 น. การโอนหุ้นตนมีหน้าที่เซ็น และจากการทำธุรกิจมา 20 ปี ไม่เคยไปที่กระทรวงพาณิชย์แม้แต่ครั้งเดียว และเรื่องการจัดการเงินทองๆ ตมนอบหมายให้ภรรยาเป็นคนเก็บเช็ค ตนไม่เคยจับต้อง ไม่ได้เป็นคนจัดการการเงินของครอบครัว ไม่เคยถือแม้แต่สมุดบัญชีของตนด้วยซ้ำไป