ชีวิตจริง “อนาคตใหม่” พลิกพ่าย พรรคฝ่ายค้านไม่ทุ่ม-พปชร.อุ้ม “เผดิมชัย”

การเลือกตั้งซ่อมจังหวัดนครปฐมเขต 5 “เหนือความคาดหมาย” แต่ไม่เหนือการคาดการณ์ ภายหลังผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ “เผดิมชัย สะสมทรัพย์” ผู้สมัครจากพรรคชาติไทยพัฒนากลับมาผงาด-เข้าป้าย “ทวงคืนแชมป์” ได้อีกครั้ง ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 91,043 คน จากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 143,542 คน คิดเป็นผู้มาใช้สิทธิร้อยละ 63.43 นายเผดิมชัยได้คะแนนเป็นอันดับ 1 จำนวน 37,675 คะแนน

นายไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร จากค่ายพรรคอนาคตใหม่ได้คะแนนเป็นอันดับ 2 จำนวน 28,216 คะแนน และ นายสุรชัยอนุตธโต จากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)ได้คะแนน “รั้งที่สาม” จำนวน 18,425 คะแนนพรรคอนาคตใหม่ในฐานะ “แชมป์เก่า”ส่ง “ไพรัฏฐโชติก์” ป้องกันแชมป์แทน “จุมพิตา” ผู้เป็นภรรยา จะกล่าวได้ว่าเป็น “เจ้าของพื้นที่เดิม” คงพูดไม่ได้เต็มปากเต็มคำนัก เพราะหลังจากนางจุมพิตาได้เป็น ส.ส.ก็ไม่สามารถเป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชนได้ทั้งในพื้นที่-ในสภาเพราะ “ปัญหาสุขภาพ”

โดยเฉพาะในช่วง “โค้งสุดท้าย” 7 วันอันตรายก่อนเลือกตั้งซ่อม พรรคอนาคตใหม่เกิดภาวะอาฟเตอร์ช็อก หลังจากลงมติ “ไม่เห็นด้วย” กับพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) โอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหมไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ. 2562 จนเกิดสภาวะ “เสียงแตก-ลอยแพ” 70 เสียงของพรรคอนาคตใหม่ สะท้อนถึงความ “ไม่เป็นเอกภาพ” ภายใน บวกกับ “เสียงแตก” การโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ที่มีคนของอนาคตใหม่ไปลงมติ “เห็นด้วย” กับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563

พร้อม ๆ กับคดี “หุ้นสื่อ” ที่จะส่งผลถึง “สถานภาพ ส.ส.” ของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” และคดี “ปล่อยกู้” ที่จะส่งผลถึงขั้น “ยุบพรรค” เริ่มกลายเป็นประเด็นร้อนเป็น “ปัจจัยลบ” นอกเหนือจากเรื่อง “วันเลือกตั้ง” ที่กำหนดให้

“วันนักขัตฤกษ์” 23 ต.ค. เป็น “วันหย่อนบัตร” ไม่ใช่วันอาทิตย์ตามธรรมเนียมปฏิบัติทางการเมือง ซึ่งมีผลต่อ “โหวตเตอร์” ทั้งชนชั้นแรงงาน-first time voter “ตกขบวน” เป็นเกม “ตัดกำลัง” ของพรรครัฐบาลที่กำหนดวันเลือกตั้งในวันหยุดนักขัตฤกษ์-ก่อนลงมติ พ.ร.ก.โอนอัตรากำลังพลฯ-ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ พ.ศ. 2563 เปิด “จุดอ่อน” พรรคฝ่ายค้านที่มีบาดแผล จนส่งผลทำให้ “เสียแชมป์” เลือกตั้งซ่อมนครปฐมเขต 5 แม้พรรคเพื่อไทย-พันธมิตรจะ

“หลีกทาง”-“เทคะแนน” การเลือกตั้ง 24 มี.ค. 62 ให้ก็ตาม แถมตอนที่ “ธนาธร” เบิกความในศาล คดีถือหุ้นวี-ลัค มีเดีย ยังพาดพิง “ทักษิณ ชินวัตร” บุคคลที่เพื่อไทยเคารพ “ธนาธร” ที่ฝันว่าการเลือกตั้งนครปฐมเขต 5 จะเป็น “โดมิโนตัวแรก” ที่จะล้มรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ “แป้ก” ไปโดยปริยาย ซึ่งจะมีการเลือกตั้งซ่อมอีก 3 เขตในเร็ว ๆ นี้ ได้แก่ 1.เขต 5 สมุทรปราการ 2.เขต 2 กำแพงเพชร และ 3.เขต 7 ขอนแก่น

สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ที่หวัง “ล้างตา” ส่งนายสุรชัยลง “แก้มือ” แม้จะมีการลงนาม “ข้อตกลง” ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล-มีมติส่งนายสุรชัยเป็น “ตัวแทนพรรคร่วมรัฐบาล” ทว่าด้วย “ศักดิ์ศรี” ของ “บ้านใหญ่สะสมทรัพย์” ทำให้พรรคชาติไทยพัฒนาแหกกฎข้อตกลงส่ง “เผดิมชัย” ทวงเก้าอี้ “บ้านใหญ่นครปฐม” คืน

ส่งผลให้พรรคร่วมรัฐบาล 2 พรรค “ตัดคะแนนกันเอง” ประกอบกับ “คะแนนเดิม” ของพรรคพลังประชารัฐที่ “ไม่ยินยอมพร้อมใจ” เทให้นายสุรชัยที่เป็น “ตัวแทนพรรคร่วมอย่างเป็นทางการ” เพราะ “ระวัง เนตรโพธิ์แก้ว” อดีตผู้สมัครเขต 5 นครปฐมของพลังประชารัฐ ที่ได้คะแนนเลือกตั้งครั้งที่แล้ว 18,741 คะแนน แพ้นายสุรชัยอันดับ 2 เพียงหลัก 2 ร้อยคะแนน จึง “ไม่เต็มใจ” ที่จะยอม “แพ้บาย” ทำให้ฐานเสียงพลังประชารัฐ “งดออกเสียง” ในการเลือกตั้งซ่อมนครปฐมเขต 5

จากผลการเลือกตั้งไม่เป็นทางการ “สติธร ธนานิธิโชติ” นักคณิตศาสตร์การเมือง ในฐานะนักวิชาการ ประจำสถาบันพระปกเกล้า วิเคราะห์ปัจจัยที่ อนค.เสียแชมป์ คะแนนหายกว่า 5,900 คะแนนว่า ตัวเลข 5,900 คะแนนที่หายไป
คือ คะแนนกระแสของ “ธนาธร” และพรรค ในวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. 2562ซึ่ง อนค.อาจเคลมได้ว่าเป็นเพราะจัดการเลือกตั้งวันพุธ คะแนนกระแสจึงหายไป

เมื่อกระแสไม่มาตามนัด-ไม่เอื้ออำนวย “เพื่อน” ใน 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านอาจช่วยไม่เต็มกำลัง “ประเภทช่วยมือเปล่า” ไม่ได้ออกแรง ทั้งเพื่อไทย เพื่อชาติ ประชาชาติ ต่างจากในการเลือกตั้ง 24 มี.ค.ที่ไทยรักษาชาติถูกยุบเพื่อไทยจึงหนุนอนาคตใหม่เต็มที่ ขณะเดียวกัน เพื่อนในสายเสื้อแดงก็มีหลายเฉด บางเฉดอาจจะไหลไปสนับสนุน “เผดิมชัย” ก็เป็นได้

สติธรวิเคราะห์ว่า ขณะที่ “เผดิมชัย” ในฐานะแชมป์เก่า เตรียมตัวมาดี บวกกับได้รับแรงสนับสนุนจาก “พลังประชารัฐ” เมื่อคะแนนส่วนตัวของ “เผดิมชัย” ในวันที่ 24 มี.ค. 12,279 คะแนน บวกกับคะแนนของพลังประชารัฐ 18,741 คะแนน รวมกันก็ได้ 31,020 คะแนน บวกกับคะแนนเพื่อนพรรคร่วมรัฐบาล ที่ไม่ส่งคนลงแข่ง เช่น ภูมิใจไทย หรืออาจเป็นเสื้อแดงเก่าที่หันมาหนุนนายเผดิมชัย สวนทางกับอนาคตใหม่ ที่เพื่อนไม่ช่วย เพื่อนไม่รัก ก็ทำให้ “เผดิมชัย”ชนะเลือกตั้งซ่อมได้

“พรรคพลังประชารัฐ อาจจะดูกระแสในพื้นที่ว่าควรจะทุ่มให้ใครในช่วงสุดท้าย เมื่อนายเผดิมชัยเตรียมตัวมาดี ขณะที่หากจะไปสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ คนที่หนุนพลังประชารัฐอาจไม่ยอม และทำให้เบี้ยหัวแตก เมื่อกระแสนายเผดิมชัยมา จึงชนะเลือกตั้ง” นั่นจึงทำให้โดมิโนตัวแรกที่พรรคอนาคตใหม่เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำไปก่อน