หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาจำคุก 2 ปี ที่มี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือทุจริต หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ในคดีอัลไพน์
เนื่องจาก “ยงยุทธ” เป็นผู้เพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่มีคำสั่งให้ยกเลิกการซื้อขายระหว่างวัดธรรมิการามวรวิหาร กับ บริษัท อัลไพน์กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับจำกัด กับ บริษัทอัลไพน์ เรียลเอสเตท จำกัด 2 บริษัทที่มี “อุไรวรรณ เทียนทอง” ภรรยา “เสนาะ เทียนทอง” เป็นผู้ถือหุ้น เนื่องจากที่ดินดังกล่าว “นางเนื่อม ชำนาญชาติศักดา” เจ้าของที่บริจาคให้แก่วัดธรรมิการามฯ ดังนั้น เมื่อ “นางเนื่อม” ถึงแก่กรรม ที่ดินจึงตกเป็นที่ธรณีสงฆ์
แต่ “ยงยุทธ” กลับรับรองให้การซื้อขายที่ดินจำนวนกว่า 700 ไร่ ครั้งนั้นถูกต้อง แม้ความเห็นของที่ประชุมใหญ่ของคณะกรรมการกฤษฎีกา ในขณะนั้นจะยืนยันว่าไม่สามารถซื้อขายที่ดินได้ เพราะเป็นที่ดินวัด
ผลแห่งคำพิพากษา ทำให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ต้องหาทางแก้ปัญหา เพราะมีผู้บริสุทธิ์จำนวนมากได้ซื้อที่ดินบนที่ธรณีสงฆ์โดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่
ด้วยการที่ กระทรวงมหาดไทย ตั้งเรื่องให้สำนักพระพุทธศาสนา ชงกฎหมาย “ร่าง พ.ร.บ.โอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์ ฉบับที่… พ.ศ…” เข้าสู่คณะรัฐมนตรี เพื่อเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตราเป็นกฎหมาย เพื่อช่วยเหลือผู้บริสุทธิ์ไม่นิรโทษคนที่ผิด
อย่างไรก็ตาม มีอีกแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยภายใต้การกุมบังเหียนของ “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” เจ้าของรหัส มท.1 กำลังเล็งเอาไว้คือให้สำนักงานปลัดกระทรวงคัดลอกคำพิพากษามาทั้งหมด เพื่อค้นดูว่าใครจะต้องรับผิดชอบจากการกระทำผิดดังกล่าว และหาช่องทางเพื่อออกคำสั่งยกเลิกคำสั่งของ “ยงยุทธ” ที่เซ็นไว้ในอดีตที่รองรับการซื้อขายที่ดินให้ถูกต้อง
เมื่อคำสั่งของ “ยงยุทธ” ถูกยกเลิก ถึงตอนนั้นชาวบ้านที่ถือว่าเป็นผู้ซื้อขายที่ดินโดยสุจริต ก็จะต้องฟ้องศาลปกครอง โดยมีฝ่ายรัฐบาลเป็นจำเลย
แหล่งข่าวระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เมื่อรัฐตกเป็นจำเลย ก็จะต้องมีการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเกิดขึ้น รัฐจะต้องหามาตรการเยียวยาให้กับผู้บริสุทธิ์ ก่อนจะไปไล่เบี้ยเก็บค่าเสียหายกับผู้กระทำการทุจริตในอดีต ซึ่งต้องรอคำพิพากษาออกมาว่าใครจะต้องรับผิดชอบบ้าง
“ขณะนี้ยังรอสำนักพระพุทธศาสนาว่าจะยื่นกฎหมายหรือไม่ แต่ถ้าไม่ยื่นทางกระทรวงมหาดไทยก็จะเสนอให้เพิกถอนคำสั่งของนายยงยุทธ เพื่อเริ่มต้นใหม่ทั้งหมดแม้รัฐจะถูกฟ้องค่าเสียหายเป็นพันล้าน แต่ต้องไปไล่เบี้ยกับผู้ทุจริต” แหล่งข่าวกล่าว
หากในอนาคตมีการเพิกถอนคำสั่งของ “ยงยุทธ” เมื่อเกือบสามสิบปีก่อนจริง แม้จะรัฐต้องแพ้คดีและจ่ายค่าความเสียหายจากการกระทำทุจริต ถึงเวลานั้นคงได้บัญญัติศัพท์การเมืองใหม่คือ “ค่าโง่อัลไพน์”