“ธนาธร” แถลงปิดคดีหุ้นสื่อนอกศาล ยันความผิดเดียวคือ ต้าน คสช.สืบทอดอำนาจ

เมื่อเวลา 10.15 น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แถลงปิดคดีต่อสาธารณะกรณีถือหุ้นสื่อที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยในวันที่ 20 พ.ย. ขอชี้แจง 4 ประเด็น 1.บริษัทวีลัคเป็นสื่อหรือไม่ การถือหุ้นสื่อที่กลายเป็นประเด็นใหญ่โตในสังคม ส่งผลถึงตน และ ส.ส.อีกร้อยกว่าคนเริ่มต้นที่ จ.สกลนคร เกิดจาก กกต.สกลนคร ส่งเรื่องไปที่ศาลฎีกาให้พิจารณาสิทธิความเป็นผู้สมัคร ส.ส.นายภูเบศวร์ เห็นหลอด ผู้สมัคร ส.ส.อนาคตใหม่ ซึ่งศาลพิพากษาว่านายภูเบศร์ 98(3) ห้ามผู้สมัครเป็นเจ้าของ หรือถือหุ้นในสื่อมวลชนใดๆ ไม่จำเป็นต้องดูเอกสารอื่น ดูแค่บริคณห์สนธิ ซึ่งบริษัทของนายภูเบศวร์ ได้ระบุหนึ่งในวัตถุประสงค์ทำกิจการวิทยุโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ โดยไม่ได้ดูว่าประกอบกิจการสื่อจริงหรือไม่ เมื่อศาลฎีกาตั้งมาตรฐานแบบนี้ มีหลายภาคส่วนพยายามหากรณีเดียวกันกับ ส.ส.คนอื่น หนึ่งในคดีความเหล่านั้น คือการร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญถึงสมาชิกภาพของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล 41 ราย ซึ่ง 32 ราย ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง และปฏิเสธพักการหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว

@ ย้ำปิดวีลัคฯ ก่อนสมัคร ส.ส.

นายธนาธรกล่าวว่า แต่ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่ามีเพียงแต่หนังสือบริคณห์สนธิ ทะเบียนหุ้น ไม่เพียงพอ ต้องดูงบการเงินของห้างหุ้นส่วนมีรายได้มาจากกิจการใดจึงจะตัดสินว่าถือหุ้นสื่อหรือไม่ ซึ่งกรณีของ วีลัค-มีเดีย ทำนิตยสาร who เล่มสุดท้ายที่พิมพ์ ต.ค.2559 เป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทและเป็นเจ้าของ แต่อีก 2 เล่มไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่เป็นผู้ผลิต คือหนังสือ jib jib ที่เจ้าของคือบริษัทนกแอร์ เล่มสุดท้ายคือ ธ.ค.2561 ส่วนเล่มสุดท้าย wealth เจ้าของคือธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งออกเป็นรายไตรมาส คือไตรมาสที่ 4 ของปี 2559 หลังจากนั้นได้เลิกจ้างพนักงานทั้งหมด ปิดตัวเองลง 26 พ.ย.2561 และบริษัทไม่มีรายได้อีกแล้ว รายได้เดียวที่มีคือเกิดจากการขายทรัพย์สินที่ปิดกิจการ เช่น โต๊ะ เฟอร์นิเจอร์ และคอมพิวเตอร์ บริษัทเช่นนี้จะเป็นสื่อได้อย่างไร ไม่เหลือความเป็นสื่ออยู่แล้ว ศาลเขียนไว้เองบริษัทไหนจะเป็นสื่อหรือไม่ต้องดูงบการเงินประกอบ ของวีลัคฯ ไม่มีรายได้แล้ว เป็นเรื่องสำคัญที่ศาลจะต้องพิจารณา เพราะมี ส.ส.อยู่ในศาลที่รอพิจารณาอยู่เยอะ ถ้าวีลัคฯ ไม่เป็นสื่อ ทุกอย่างจบ ในความเห็นตน วีลัคฯ ไม่ใช่สื่อตั้งแต่ 26 พ.ย.2561

นายธนาธรกล่าวว่า 2.ตนยังเป็นผู้ถือหุ้นสื่ออยู่หรือไม่ ในคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ของ กกต.ระบุการเป็นผู้ถือหุ้นอยู่จนถึง 21 มี.ค.2562 ผู้ร้อง กกต.อ้างอิงจากเอกสารฉบับหนึ่งที่อยู่ในกระทรวงพาณิชย์ คือทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัท หรือ บอจ.5 แต่ในทางปฏิบัติและทางนิตินัย บอจ.5 ไม่ใช่หนังสือยืนยันความเป็นผู้ถือหุ้น ณ วันใด วันหนึ่ง เป็นแค่หนังสือที่บริษัทแจ้งต่อกระทรวงพาณิชย์ถึงรายชื่อล่าสุดของผู้ถือหุ้น ส่วนการทำธุรกรรมเสร็จเรียบร้อยเพียงใดอ้างอิงกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 และมาตรา 1141 ซึ่งวันที่ 6 ม.ค.62 ตนได้โอนหุ้นคืนให้คุณแม่เรียบร้อยแล้วต่อหน้าพยาน เปลี่ยนผู้ถือหุ้นครบตามกฎหมาย ถ้าไม่มีหลักฐานเป็นอื่นก็ต้องถือว่าธุรกรรมเสร็จตั้งแต่มีวันทำธุรกรรมเรียบร้อยแล้ว

@ ไม่เคยใช้วีลัคฯ ให้คุณให้โทษคู่แข่ง

นายธนาธรกล่าวว่า 3. การถือหุ้นสื่อของตนผิดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ มาตรา 98(3) อยากชี้ให้เห็นข้อเท็จจริง 2 ประการ ว่าตนผิดเจตจำนงรัฐธรรมนูญมาตรา 98 หรือไม่ นิตยสาร 3 เล่ม ตั้งแต่วันที่เกิดขึ้นและตายลงไม่เคยให้คุณทางการเมืองกับตน และไม่เคยให้โทษทางการเมืองกับคู่แข่งทางการเมืองกับตนแม้แต่นิดเดียว นอกจากนี้ วันที่นิตยสาร j ปิดตัวลง 26 พ.ย.2561 เกิดขึ้นก่อนจะมีใครรู้ว่าการเลือกตั้งเกิดขึ้นหรือไม่และเมื่อไหร่ เพราะ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งประกาศ 23 ม.ค.2562 และไม่มีใครรู้ก่อนวันที่ 23 ม.ค.2562 จะมีการเลือกตั้งหรือไม่ เราไม่มีเจตนาคงมันอยู่ ปิดมันก่อนที่จะมี พ.ร.ฎ.เลือกตั้งเสียอีก

@ กระบวนการฟ้องไม่เป็นธรรม

“ประเด็นที่ 4 กระบวนการพิจารณาคดีถูกต้อง ยุติธรรม ให้ความเป็นธรรมกับผมหรือไม่ เพื่อพิจารณาเรื่องนี้ ผู้ร้องคือ กกต.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคดีนี้ มีนายปรีชา นาเมืองรักษ์ เป็นประธาน คณะนี้มีการเรียกพยาน 2 คน ที่ลงหนังสือในสัญญา รวมถึงทนายโรตารีที่อยู่ในการโอนหุ้น เข้าไปให้ถ้อยคำ 22 พ.ค.2562 ที่ได้รับการเรียกจากคณะกรรมการสืบสวน แต่ กกต.กระบวนการสอบสวนที่ส่งคำร้องไปโดยที่ข้อเท็จจริงยังไม่ผ่านการสอบสวนให้สิ้นกระบวนความหรือไม่ ทำให้เกิดความสงสัยกรณีนี้กลั่นแกล้งทางการเมืองกับผม มีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองกับผมหรือไม่ เป็นการฟ้องโดยไม่สุจริตหรือไม่ เพราะขณะที่คณะกรรมการไต่สวนทำงานอยู่ กกต.ชุดใหญ่ไม่ได้รับรายงานจากคณะกรรมการไต่สวนชุดนี้ เพราะได้ยื่นคำร้องไปศาลรัฐธรรมนูญเมื่อ 16 พ.ค.2562 แล้วกระบวนการครบถ้วนตรงไหนไปฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ” นายธนาธรกล่าว

@ ความผิดคือต้านสืบทอดอำนาจ

นายธนาธรกล่าวว่า กระบวนการในศาลรัฐธรรมนูญคือศาลชั้นเดียว ดังนั้น ไม่มีความเป็นธรรมกับตนอย่างอื่นนอกจากคำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญ กระบวนการที่ไม่ยุติธรรมกับผู้ถูกร้องก็มีน้ำหนักพอแล้วให้ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องเรื่องการถือหุ้น

“ถ้าทุกท่านถามว่าผมผิดอะไร คำตอบคือไม่ใช่เรื่องหุ้นสื่อ ไม่ใช่เรื่องให้เงินพรรคกู้ ความผิดของผมก็คือต่อต้านการสืบทอดอำนาจ คสช.พวกเรามีความฝัน ฝันเห็นประเทศไทยเป็นประชาธิปไตย เท่าเทียมกัน มีอำนาจหรือไม่มี เมื่ออยู่ต่อหน้ากฎหมายแล้วทุกคนได้รับการปฏิบัติเท่าเทียมกัน เห็นประเทศไทยก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ดอกผลการพัฒนาแจกจ่ายเท่าเทียมกัน ประเทศไทยที่ไม่มีรัฐประหารอีกในอนาคต ความฝันเช่นนี้ผิดบาปมากนักหรือในประเทศนี้ เพื่อให้ได้มาซึ่งความฝันนี้เราตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา ทั้งที่รู้อยู่แล้วกฎหมายและผู้อำนาจไม่ได้เป็นคุณกับเรา แต่ก็ตั้งพรรคเข้ามาต่อสู้ตามความฝันตามระบบ ตามกฎหมาย ฝันอะไรก็บอกประชาชนอย่างนั้น แล้วหวังว่าประชาชนจะฝันเหมือนกับเรา เมื่อผลเลือกตั้งออกมา เราเดินหน้าทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์สู้ในสภาอย่างสง่างาม อย่างภาคภูมิใจเราไม่ได้เป็นรัฐบาลก็ทำหน้าที่ในสภา ต่อสู้ในระบบ เราต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็รณรงค์อยู่ในระบบ อย่างสันติ มันเป็นผิดบาปมากขนาดนั้นเลยหรือในประเทศนี้” นายธนาธรกล่าว

@ อัดตุลาการผ่านรัฐประหาร 10 ครั้ง

นายธนาธรกล่าวอีกว่า ถ้าเราดูตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ปัจจุบันหลายท่านมีอายุเกิน 70 ปี เกิด 2490 ผ่านการรัฐประหาร 10 ครั้ง หลายท่านอายุ 60 ปีผ่านการรัฐประหาร 8 ครั้ง ถ้าเกิดในปี 2500 ผมเกิดปี 2521 ผ่านการรัฐประหารมา 4 ครั้ง จะอยู่ในสังคมแบบนี้ต่อไป ส่งต่อสังคมแบบนี้ให้ลูกหลานหรือ เป็นเวลาที่ทบทวนความผิด ทบทวนประวัติศาสตร์ ถ้าทบทวนเรื่องนี้อย่างดี คิดว่าเห็นตรงกันว่า นักการเมือง กองทัพ สื่อ องค์กรตุลาการ เอ็นจีโอ นักวิชาการ กลุ่มคนต่างๆ หลายภาคส่วนมีส่วนทำให้สังคมเดินทางมาถึงจุดนี้ ถึงเวลาที่ต้องสะกิดไหล่ ส่งเสียงพูดคุยกัน ถึงเวลาแล้วที่พาสังคมกลับสู่ปกติ สังคมมีความคิดแตกต่างอยู่สองก้อน เส้นทางที่จะพาประเทศไทยไปข้างหน้าด้วยประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน อีกเส้นทางหนึ่งพาประเทศไทยไปข้างหน้าด้วยด้วยอนุรักษ์นิยมและอำนาจนิยม คนที่ตัดสินเรื่องนี้ได้ดีที่สุดไม่ใช่ศาล ควรเป็นประชาชนผู้ทรงสิทธิ์ ผู้ทรงอำนาจ เสรีภาพในการเลือกอนาคตของประเทศไทยด้วยตัวเอง

@ ไม่มีธนาธรพรรคก็เดินต่อ

ผู้สื่อข่าวถามว่า วางอนาคตทางการเมืองอย่างไร หากศาลตัดสินเป็นลบ กล่าวว่า เรามีเป้าหมายทางการเมือง ดังนั้น การเดินทางเกิดขึ้นต่อไปนี่คือกระแสของประวัติศาสตร์ เราได้แถลงยื่นร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกการเกณฑ์ทหารเข้าสู่สภา จะเดินหน้าทำงานการเมืองอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ความฝันเป็นจริง คดีของวีลัคฯ ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการยุบพรรคอนาคตใหม่ แต่เป็นเรื่องคุณสมบัติการเป็น ส.ส.ของตน คนที่พูดเรื่องการยุบพรรคเพื่อโยงคดีวีลัคฯ ไม่ได้เข้าใจข้อเท็จจริงของคดี คดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรค ส่วนผลเท่าไหร่ไม่กล้าพูดได้ เนื่องจากกรรมการ อำนาจไม่ได้อยู่ที่เรา

“ไม่อยากให้มองเหตุการณ์ต่างๆ ว่าเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ส่งผลให้พรรคเดินต่อไปไม่ได้ พรรคเป็นการเดินทาง มีผู้คน มีความฝัน การเดินทางจะเดินหน้าต่อไป มีผมหรือไม่มีผมก็เกิดการยื่น พ.ร.บ.ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ที่ใช้ในการหาเสียงเข้าสู่สภาไปแล้ว ดังนั้น นี่คือการเดินทางการทำความฝันให้เป็นจริง เปลี่ยนนโยบายเป็นกฎหมายในสภาให้ได้ เราตั้งพรรค แพ้ ชนะ เล่นตามกติกา ทำงานมุ่งมั่นสร้างสรรค์จริงใจตามกติกา เราอยู่ในกรอบของกฎหมายอยู่แล้ว ตั้งแต่ตั้งพรรคมายังไม่ทำอะไรที่นอกเหนือจากกฎหมาย”

@ ไม่อนุญาตแถลงปิดคดีในศาล


ด้าน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เปิดเผยว่า คำแถลงปิดคดีของนายธนาธร ทางพรรคขอส่งคำแถลงปิดคดีทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษร และขอแถลงปิดคดีด้วยวาจา แต่ได้รับการแจ้งจากทางศาลรัฐธรรมนูญว่า ไม่อนุญาตให้แถลงปิดคดีด้วยวาจา ทางพรรคจึงส่งคำแถลงเป็นลายลักษณ์อักษร เพียงอย่างเดียว