มติ 7 ต่อ 2 ขององค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ตัดสินว่า “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พ้นสภาพการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพราะถือหุ้นในบริษัทที่ประกอบกิจการสื่อ ใน บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ทำให้สถานภาพ ส.ส.ของ “ธนาธร” ขาดสะบั้นลงทันที ทั้งที่ 12 ชั่วโมงก่อนการอ่านคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ เขายังมั่นใจว่ายังมีโอกาส “เป็นบวก”
สุดท้ายแล้ว “ธนาธร” กลายเป็น ส.ส.ปฏิบัติในสภาแค่ 1 วัน คือ วันที่ 25 พ.ค. 2562 อยู่ร่วมในเหตุการณ์เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรก เพื่อเลือกประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่อยู่ถึงแค่ปฏิญาณตนเป็น ส.ส.ก็ถูกเชิญออก เพราะศาลรัฐธรรมนูญนับเวลาการพ้นตำแหน่ง ส.ส.ของ “ธนาธร” ตั้งแต่ศาลสั่งให้ “หยุดปฏิบัติหน้าที่” เมื่อ 23 พ.ค. 2562 ก่อนเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพียง 2 วัน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- ตรวจหวย ใบตรวจหวย ผลรางวัล สลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน 2567
- ราคาทองวันนี้ (17 เม.ย. 67) พุ่งขึ้น 250 บาท รูปพรรณขายออก 41,950 บาท
จับสัญญาณ กกต.ฟันอาญา
แต่เพียงไม่กี่อึดใจหลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยจบ เรื่อง “ธนาธร” ก็เดินทางมาถึงชอตต่อไปทันที เมื่อ “พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา” เลขาธิการ กกต. เปิดเผยว่า หลังจากนี้ คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน จะดำเนินการสอบสวน
กรณีคำร้องที่มีผู้กล่าวหาว่า นายธนาธรฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 151 ประกอบรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3)
“กรณีผู้ใดรู้อยู่ว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อต่อไป”
“ตามหลักการทั่วไป คณะกรรมการสืบสวนฯ จะต้องนำผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันนี้ ไปพิจารณาประกอบในสำนวนด้วย เพราะมีการวินิจฉัยว่า นายธนาธรขาดคุณสมบัติ”
ดังนั้น “ธนาธร” ยังต้องลุ้นคดีอาญาที่จะถูกนำมา “ต่อยอด” พัวพัน โทษกรณีนี้ มีตั้งแต่จำคุก ต้องโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 20 ปี! ที่ประชุม กกต.จะพิจารณาเรื่องดังกล่าวในการประชุมครั้งถัดไป
ขณะที่ “สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต. มองในมุม กกต.ว่า ไม่มีทางเลือก เป็นไฟต์บังคับ ที่จะต้องส่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสิน ไม่เช่นนั้นอาจโดนข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
7 ข้อ มัดปม “เงินกู้”
นอกจากนี้ 24 ชั่วโมงก่อนศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยเรื่องหุ้นสื่อของ “ธนาธร” กกต.ได้มีมติให้พรรคอนาคตใหม่ส่งเอกสารเพิ่มเติม จากกรณีที่ “ธนาธร” ให้พรรคอนาคตใหม่กู้เงินไปดำเนินกิจการทางการเมือง จำนวน 191 ล้านบาท เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 66 โดยได้บริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมือง มีมูลค่าเกินกว่า 10 ล้านบาท ต่อพรรคการเมือง/ปี
เนื่องจากในกฎหมายพรรคการเมือง 2560 มี “ช่องโหว่” เพราะไม่ได้บัญญัติรายได้ของพรรคการเมือง ในส่วนที่เกี่ยวกับ “เงินกู้” ทำให้ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โต้แย้งว่า เงินกู้ไม่ใช่รายได้ กฎหมายเขียนเฉพาะว่ารายได้ของพรรคการเมืองมาจากอะไรบ้างในแต่ละวงเล็บ แต่ไม่มีเงินกู้ไม่มีมาตราไหนเลยที่ห้ามพรรคการเมืองกู้เงิน หลักคือเวลากฎหมายจะจำกัดเสรีภาพของบุคคล ต้องบอกล่วงหน้า บอกให้ชัด ซึ่งเรื่องนี้ว่ากันตามกระบวนการ
ทว่า “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี เกจิกฎหมายรัฐบาล เห็นว่า เรื่องเงินกู้ “ธนาธร” ต้องดูหลายอย่าง บางอย่างไม่ได้อนุญาตก็ทำไม่ได้ โดยมี 2 อย่าง คือ 1.ไม่ได้ห้าม เพราะฉะนั้นทำได้ และ 2.ไม่ได้อนุญาต เพราะฉะนั้น จึงทำไม่ได้ มีอยู่ 2 หลักนี้ ซึ่งไม่ได้มั่ว มันมีวิธีใช้ว่าเมื่อไรจะใช้
เมื่อพลิก พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 ในมาตรา 62 กำหนด “รายได้ของพรรคการเมือง” ไว้ 7 ข้อ 1.เงินทุนประเดิมพรรค 2.เงินค่าธรรมเนียมและค่าบํารุงพรรคการเมืองตามที่กําหนดในข้อบังคับ 3.เงินที่ได้จากการจําหน่ายสินค้าหรือบริการของพรรคการเมือง 4.เงิน ทรัพย์สิน และประโยชน์อื่นใดที่ได้จากการจัดกิจกรรมระดมทุนของพรรคการเมือง 5.เงิน ทรัพย์สิน และประโยชน์อื่นใดที่ได้จากการรับบริจาค 6.เงินอุดหนุนจากกองทุน 7.ดอกผลและรายได้ที่เกิดจากเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดของพรรคการเมือง ไม่มีการบัญญัติเรื่อง “เงินกู้” อาจเป็นอีกมหากาพย์ที่จะถูกส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ
หากศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า ไม่ใช่ “เงินกู้” แต่เป็น “เงินบริจาค” จะทำให้ “ธนาธร” เข้าข่ายผิดพ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 มาตรา 66 โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับอิลลูมินาติ คาศาลรัฐธรรมนูญ แม้ว่าทั้ง 2 คดี ยังไม่มีเรื่องคาบเกี่ยวกับประเด็นกฎหมายที่ทำให้พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ แต่ในคดีการเมืองที่ “อนาคตใหม่” ถูกตรึงกางเขนไว้อยู่ 25 คดี มีหมวดหมู่
เรื่องล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หลายคดี หนึ่งในคดีที่จะต้องจับตาเป็นพิเศษ คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องของนายณฐพร โตประยูร ผู้ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การกระทำของพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร นายปิยบุตร
ใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยคำร้องยังมีการโยงอนาคตใหม่ถึงอิลลูมินาติองค์กรลับอยู่เบื้องหลัง การล้มล้างสถาบันเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งเป็นเรื่องที่คาอยู่ในชั้นศาล “ปิยบุตร” บอกว่า ศาลยังไม่เรียกชี้แจง ยังรอศาลเรียกชี้แจงอยู่
เรื่องการยุบพรรค “ปิยบุตร” บอกว่า ไม่ได้กังวลเรื่องคดีความ หรือเรื่องที่ว่าจะไปถึงขั้นยุบพรรค เพราะตอนตั้งพรรคก็คิดไว้แล้วว่า ไม่ช้าหรือเร็วก็ต้องเจอมรสุมภายใต้กติกาที่เป็นอยู่นี้
“อยากบอกว่า หนังม้วนเดิม 10 กว่าปีที่ผ่านมาฉายซ้ำหลายรอบแล้ว ไม่เคยทำสำเร็จ ยังวนที่เดิม คิดว่าหมดเวลาฉายหนังม้วนเก่าแล้ว หนังเรื่องนี้ควรปิดกองถ่ายได้แล้ว”
รัฐบาลจับตา อนค.แตกรัง
ท่ามกลางกระแสอนาคตใหม่สุ่มเสี่ยงเดินทางไปถึงชอตสุดท้าย คือ การ “ยุบพรรค” มีรายงานว่า แกนนำรัฐบาลจับตาสถานการณ์ในพรรคอนาคตใหม่ อย่างใกล้ชิด เตรียมพร้อมแพ็กเกจพลังดูด หากเกิดอุบัติเหตุกับอนาคตใหม่ โดยเฉพาะ ส.ส.เขต อาจรวมถึง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 38 คน ที่สามารถย้ายไปสังกัดพรรคใหม่ได้ หลังถูกยุบพรรค
โดยเทียบเคียงเคส “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ที่ยุบพรรคประชาชนปฏิรูป ไปซบอกพลังประชารัฐ ซึ่งขณะนี้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐเต็มตัว แม้แต่บัตรประจำตัวผู้แทนราษฎรก็ยังสังกัดพรรคพลังประชารัฐ เพราะได้รับการ “ประทับตรา” จากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว
แกนนำจากพลังประชารัฐ ยกเคส “ไพบูลย์” เป็นตัวอย่าง และมั่นใจว่า สามารถอาศัยช่องว่างในรัฐธรรมนูญ พา ส.ส.บัญชีรายชื่ออนาคตใหม่ร่วมทีมรัฐบาลได้ หากถึงคราวอนาคตใหม่พรรคแตก และมีความประสงค์เปลี่ยนขั้ว
อนาคต แห่ง อนาคตใหม่
“ชำนาญ จันทร์เรือง” รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ 1 ในมือกฎหมายพรรค อีกทั้งยังเป็น 26 คนผู้ร่วมก่อตั้งพรรค ฉายภาพสเต็ปต่อไปของอนาคตใหม่ หลัง “ธนาธร” พ้น ส.ส.ว่า พรรคต้อง keep going สู้จนถึงที่สุด รู้อยู่แล้วว่าสู้ก็แพ้ ก็ต้องสู้ ถ้าไม่สู้ ก็ไม่รู้ว่าจะมีพรรคอนาคตใหม่ไปทำไม การที่เรารวมตัวเป็นพรรคอนาคตใหม่ รู้ว่าต้องเผชิญอะไรบ้าง เพียงแต่ไม่รู้รายละเอียดยิบย่อยว่าจะเจออะไร
“แต่อย่าลืมว่าการจะทำอะไรกับพรรคอนาคตใหม่ ต้องใช้ต้นทุนสูงมาก ทั้งต้นทุนทางสังคม ต้นทุนความน่าเชื่อถือ ต้นทุนเศรษฐกิจ ผลกระทบไม่เฉพาะในประเทศ ต่างประเทศเขามองอยู่ เครดิตผู้บริหารประเทศ เครดิตสถาบันองค์กรอิสระและกระบวนการยุติธรรม เขาจะยอมแลกขนาดนั้นหรือไม่”
25 คดีสุ่มเสี่ยงถึงการยุบพรรค ? ชำนาญกล่าวว่า ไม่มีเลย เว้นแต่จะเชื่อมโยงคดีไปถึงการยุบพรรคให้ได้ ที่มีการพูดถึงเรื่องคดีอาญาก็ยังเป็นเรื่องเฉพาะตัวเท่านั้น คดีล้มล้างการปกครองฯที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง โยงไปถึงองค์กรลับอิลลูมินาติ ? ชำนาญประเมินในมุมบวก
“ตามรัฐธรรมนูญสั่งให้เลิกการกระทำนั้น ส่วนดาบต่อไปที่โยงยุบพรรคหรือไม่ ตอนที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องใช้มติ 5 ต่อ 4 ชนะกันแค่เสียงเดียว เกือบจะไม่รับคำร้อง แล้วหากจะลงโทษคงเป็นไปไม่ได้” คดีที่นายธนาธรให้พรรคกู้เงิน 191 ล้านบาท ? ชำนาญชี้ว่า พรรคเชื่อว่าทำได้ ร้ายแรงที่สุด คือ “แค่คืนเงิน”
“ถ้ากฎหมายไม่ได้ห้ามก็ทำได้ ผลของคดีเต็มที่ที่สุด คือ คืนเงิน จะทำมากกว่านั้นไม่ได้ เหมือนตอนแรก ๆ ขายของพรรคที่ระลึกในออนไลน์ แต่ กกต.บอกว่า ทำไม่ได้ เราก็ต้องเอาไปคืนเขาตามระบบ เพราะเงินกู้ไม่เป็นเรื่องรายได้ เงินกู้ต้องใช้คืน มีการคิดดอกเบี้ย ทยอยใช้คืนเป็นระยะ อีกทั้งงบดุลบัญชีของพรรคการเมืองอื่นมีเรื่องเงินกู้เช่นกัน”
“ถ้าตีความกฎหมายจะให้โทษผู้อื่นจะตีความให้โทษไม่ได้ ต้องตีความเป็นคุณในกรณีที่มีความสงสัยในกฎหมาย แต่อภินิหารทางกฎหมาย ไม่ขอออกความเห็น”
แต่คดีของ “ธนาธร” เรื่องขัดมาตรา 151 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 กรณีรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัคร ส.ส. แต่ไปลงสมัคร “ชำนาญ” ตอบไม่ต้องคิด
“กกต.ฟ้องอยู่แล้วเอาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไปร้องต่อ แต่ใครจะไปรู้ว่าตนเองจะไม่มีสิทธิ์ นายธนาธรเชื่อโดยสุจริตว่า การโอนหุ้นสมบูรณ์แล้วตามประมวลกฎหมายแพ่ง คงมีหลายมุมที่ต้องต่อสู้ และต้องสู้ทุกมุม”
ส่วนข่าวลือเรื่อง “ธนาธร” สมัครผู้ว่าฯ กทม. “ชำนาญ” ในฐานะที่ดูเลือกตั้งท้องถิ่นของพรรค ฟันธงเลยว่า “เขาไม่เอาหรอก”
“สถานะทางการเมืองของคุณธนาธร ไปไกลมากกว่าเป็น ส.ส.ด้วยซ้ำไป ขนาดมี ส.ส.กทม. เสนอตัวลาออกให้คุณธนาธรมาลง ส.ส.แทน แต่ก็ไม่เอาหรอก เพราะตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. พรรคดูไว้แล้ว 2-3 คน”
“แม้คุณธนาธรไม่ได้เป็น ส.ส. แต่คุณธนาธรยังเป็นหัวหน้าพรรค ตราบใดที่ยังไม่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง”
“คุณธนาธรวางแผนทิศทาง นโยบาย การรณรงค์ รวมถึงการวิเคราะห์ประเด็นอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นนี้”