ธนาธร บทใหม่ “นอกสภา” ลุ้นโทษอาญา-คดียุบพรรค

อาจมาถึงจุดเปลี่ยนการเมืองครั้งสำคัญหลังเลือกตั้ง

เมื่อ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ประกาศลาออกจากทุกตำแหน่งในสภาผู้แทนราษฎร

ตัดสินใจลาออกจากที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ  พ.ศ.2563

ตัดสินใจลาออกจากการทำหน้าที่ อนุ กมธ.พิจารณางบท้องถิ่นงบองค์การบริหารส่วนจังหวัด ยกเว้น 5 จังหวัดชายแดนใต้

16.00 น. “ธนาธร” แถลงข่าวให้เหตุผลถึงการลาออกทุกตำแหน่งในสภาว่า เมื่อพวกเขาไม่ต้องการให้อยู่ในสภา ก็ไม่ขออยู่…

“ถึงแม้ผมจะลาออกจากสภาไป แต่การทำงานของพรรคอนาคตใหม่ในสภาก็ยังมีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคเป็นผู้นำอยู่ เชื่อว่านายปิยบุตรจะทำให้การทำงานในสภาเป็นไปได้อย่างเต็มกำลัง สร้างสรรค์ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชน การลาออกจาก กมธ.ในครั้งนี้ เพื่อกลับไปอยู่กับประชาชน ในเมื่อพวกเขาไม่ต้องการเห็นผมในสภา ผมก็ไม่ขออยู่ในสภา ผมจึงขอกลับไปอยู่กับประชาชน เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อพี่น้องประชาชนลุกขึ้นยืนตรง ไม่ยอมก้มหัวให้เผด็จการ ไม่ยอมทนกับระบอบที่กดหัวประชาชนไว้อีกต่อไป สิ่งที่อภิสิทธิ์ชนพยายามทำอยู่ในสังคมไทยทุกวันนี้ คือการรวบอำนาจเข้าสู่ตัวเอง และพวกพ้อง และใช้กลไกเครื่องมือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทัพ ส.ว. หรือคนร่างรัฐธรรมนูญที่เขาแต่งตั้งมาเอง นั่นคือการรวบอำนาจมาอยู่ที่กลุ่มอภิสิทธิ์ชน ซึ่งเป็นคนส่วนน้อยของประเทศ”

@ เปิดเกมรบนอกสภา

19.30 น. “ธนาธร” ไลฟ์สดทางเฟซบุ๊ก บอกถึงเหตุผลการลาออกอีกครั้ง “เมื่อ 20 พ.ย.ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นสภาพการเป็น ส.ส. แน่นอนว่าเสียใจ แต่ศาลรัฐธรรมนูญเป็นศาลชั้นเดียว ดังนั้น คำวินิจฉัยของศาลถือว่าสิ้นสุดแล้ว หมายความว่ากลุ่มมีอภิสิทธิชนที่มีอำนาจอยู่ไม่อยากเห็นผมทำงานในสภาผู้แทนราษฎร กมธ.ชุดนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร จึงตัดสินใจลาออก เป็นเหตุผลหลักที่ลาออก”

“ทำหน้าที่ กมธ.อย่างเต็มที่แล้ว ต่อไปจะสนับสนุนการทำงานของ กมธ.ในสัดส่วนของอนาคตใหม่ให้ทำงานตรวจสอบการใช้ภาษีของประชาชน แทนประชาชนอย่างเต็มที่ หลายคนถามว่าต่อไปจะทำอะไร เดินทางไหนต่อ ผมเชื่อว่าเราไม่จำเป็นจะต้องทำงานการเมืองผ่านสภาอย่างเดียว ไม่ได้ตั้งพรรคเพื่ออยากเป็น ส.ส.อยากเป็นรัฐมนตรี ยศถาบรรดาศักดิ์ไม่ใช่สิ่งที่อยากได้ แต่อยากเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ให้สังคมดีขึ้น น่าอยู่ขึ้นและส่งต่อสังคมแบบนั้นให้ลูกหลานของเราไม่ว่าอยู่ตรงไหนทำงานได้เต็มที่”

@ ดึงมวลชนกดดันล้มคำสั่ง คสช.

“ตั้งแต่เดือน ธ.ค.และปี 2563 ทั้งปี จะรณรงค์อย่างหนักแน่น มีร่าง พ.ร.บ.หลายฉบับที่มาจากอนาคตใหม่และส่งเข้าไปในสภาแล้ว 3 ฉบับ พรบ.ยกเลิกประกาศคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) 27 ฉบับ ซึ่งเชื่อว่าเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ และเศรษฐกิจ ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน พรบ.คุ้มครองแรงงาน ทำให้ลูกจ้าง ผู้ใช้แรงงานมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และ พรบ.ระเบียบรับราชการทหารใหม่ เรียกว่า พรบ.ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ซึ่ง พรบ.เป็นนโยบายที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง”

“แม้ไม่ได้เป็นฝ่ายรัฐบาล แต่ในฐานะนิติบัญญัติสามารถว่าจะแปลงให้เป็นรูปธรรม โดยแปลงนโยบายให้เป็นกฎหมายไปในสภาผู้แทนราษฎร แล้วเราจะเริ่มรณรงค์ เพราะ 80 เสียงของอนาคตใหม่ไม่เพียงพอที่จะผลักดันร่างกฎหมายผ่านสภา เพราะสภา 500 ที่นั่งจะผ่านกฎหมายได้ 251 เสียง จะต้องได้เสียงจาก ส.ส.จากพรรคอื่น จะทำเช่นนั้นได้ จำเป็นต้องมีแรงสนับสนุนจากประชาชน”

“นับจากนี้ มีเวลามากขึ้นไม่ต้องทำงานใน กมธ. เชื่อว่าอาจารย์ปิยบุตร (แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค) ทำหน้าที่ในสภาได้เต็มที่มาก แม้ไม่มีผม อ.ปิยบุตรก็จะนำทีมส.ส.ทำงานในสภาอย่างมีคุณภาพ”

“ภายใต้สภาวะการเมืองไทย ที่เป็นอย่างปัจจุบัน ถึงเวลาต้องเปิดพื้นที่ทางการเมืองใหม่ๆ เพื่อต่อต้านความอยุติธรรมในสังคม งานในสภาไม่ได้ทิ้ง จะยังทำเต็มที่ จะยังสนับสนุน ส.ส.อนาคตใหม่ในทุกกาละและเทศะที่มีโอกาสจะสนับสนุนได้ ในขณะเดียวกันถ้าฝันถึงการเปลี่ยนแปลง พื้นที่ใหม่ๆ จำเป็นต้องถูกเปิดขึ้นเพื่อให้การเมืองของเรา เดินหน้าไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น”

@ ตั้งคำถามงบ 1.9 หมื่นล้านกองทัพ

อย่างไรก็ตาม “ธนาธร” ใช้เวลาในเฟซบุ๊กไลฟ์ อภิปราย “งบกองทัพ” นอกสภา ถึง “เงินนอกงบประมาณ” ของกระทรวงกลาโหม จำนวน 19,000 ล้านบาท โดยนำทรัพยากรของรัฐไปใช้แล้วเกิดรายได้ โดยไม่ต้องส่งเข้าคลัง

19,000 ล้านบาท ตั้งคำถามว่าเงินนอกงบประมาณของ กระทรวงกลาโหม มาจากคลื่นวิทยุ โทรทัศน์ให้สัมปทานกับ ช่อง 7 เจ้าเดียวไม่เปลี่ยนเจ้า ไม่เคยเปิดประมูลใหม่ตั้งแต่ 2512 ช่อง 5 เป็นหน่วยงานของกองทัพบก ซึ่งไม่เคยเห็นงบประจำปี กำไร ขาดทุน วิทยุกองทัพบก เรือ อากาศ มีหลายช่องไม่เคยรู้เลยว่าวิทยุช่องต่างๆ สัมปทานไปให้ใครบ้าง และรายได้จากสัปทานรัฐหรือกระทรวงกลาโหมได้เท่าไหร่

“เรื่องนี้ใหญ่มาก เป็นเงินที่ไม่มีคนเห็นและกระทรวงกลาโหมสามารถนำไปใช้ได้โดยไม่ผ่านสภาผู้แทนราษฎร มองไม่เห็นด้วยว่านำไปใช้จ่ายอะไร”

นอกจากนี้ ยังมีเงินนอกงบประมาณ และนำไปใช้ในภารกิจที่กระทรวงกลาโหมไม่ได้กำหนดไว้คือ เปิดสนามมวย ดำเนินกิจการสนามม้า ดำเนินกกิจการสนามกอล์ฟ ตั้งแต่คลื่นวิทยุโทรทัศน์ ช่อง 7 ช่อง 5 สนามม้าที่นครราชสีมา สนามมวยลุมพินี ย่านรามอินทรา สถานะคืออะไร รายได้เท่าไหร่ ไม่มีใครเคยรู้ แต่ละคู่สัญญาเป้นนายพลเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ ตรวจสอบไม่ได้ สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหา

“หลายท่านถามว่า ถ้ายกเลิกการเกณฑ์ทหาร จะเอาทหารที่ไหนไปช่วยน้ำท่วม ลองคิดกลับ ถ้าเรามีงบ 19,000 ล้านบาท ถ้ารายได้ต่างๆ เหล่านี้ ทั้งจากสนามม้า สนามกอล์ฟ ให้เช่าที่ดินของทหาร ถูกเก็บส่งคืนคลังทุกปี เราสามารถนำมาสร้างเขื่อนเก็บน้ำ ทำชลประทานให้ดีขึ้น เชื่อว่าจะแก้ปัญหาจัดการน้ำให้ดีขึ้นได้ ปี 2563 เรามีงบบริหารจัดการชลประทาน 6 หมื่นล้าน ถ้าได้เพิ่มมาอีก 19,000 ล้าน เพิ่มขึ้นมาเกือบ 30 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเราเอาเงินส่วนนี้ไปทำโรงเรียน โรงพยาบาล จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศมากกว่า ไม่ใช่อยากเลิกมวย เลิกช่อง 5 สิ่งเหล่านี้มีได้ แต่ต้องทำให้โปร่งใส”

@ 3 คดี จ่อคอหอยอนาคตใหม่

อย่างไรก็ตาม คดีการเมืองที่จ่อคอหอยพรรคอนาคตใหม่ และเฉพาะตัวของ “ธนาธร” มี 3 เรื่อง อย่างน้อยที่มีลุ้นจะทำเห็นดำ เห็นแดงในอีกไม่นานนี้

1.คดีอาญา เรื่องที่สืบเนื่องจำศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ สมาชิก ส.ส.ของ “ธนาธร” สิ้นสุดลงจากการถือหุ้นวีลัค มีเดีย จำกัด ขณะที่ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เนื่องจากมาตรา 151 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ระบุว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะ ต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอม ให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ

สถานะ : อยู่ระหว่างการดำเนินการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

บทลงโทษ : มาตรา 151 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปี ถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้น มีกําหนดยี่สิบปี

  1. กรณีที่มีผู้กล่าวหาว่า นายธนาธ ได้ให้พรรคอนาคตใหม่กู้ยืมเงินของตนเอง จำนวน 191 ล้านบาท ถือว่าเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ตามมาตรา 66 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 โดยได้บริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดให้แก่พรรคการเมืองมีมูลค่าเกินกว่า 10,000,000 บาท ต่อพรรคการเมืองต่อปี

สถานะ : กกต.ขีดเส้นให้พรรคอนาคตใหม่ ส่งหนังสือชี้แจงภายในวันที่ 2 ธ.ค.นี้

บทลงโทษ : ในมาตรา 124 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง บุคคลที่บริจาคเงิน ทรัพย์สินให้พรรคการเมืองเกิน 10 ล้านบาทต่อปี ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี  หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท  หรือทั้งจําทั้งปรับ  และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนด 5 ปี

ขณะที่ฝั่งพรรคการเมืองจะถูกลงโทษด้วย ตามมาตรา 125 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท  และให้ศาลสั่งเพิกถอน สิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารพรรคการเมืองมีกําหนด 5 ปี และให้เงิน ทรัพย์สินที่มูลค่าเกิน 10 ล้าน ตกเข้าสู่กองทุนพรรคการเมือง

3.คดีที่นายณฐพร โตประยูร  ร้องศาลรัฐธรรมนูญ โดยศาลรับคำร้องเมื่อ 18 กรกฎาคม 2562 กรณีการกระทำของพรรคอนาคตใหม่  นายธนาธร  นายปิยบุตรใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยคำร้องยังมีการโยงอนาคตใหม่ถึงอิลูมินาติ องค์กรลับอยู่เบื้องหลัง การล้มล้างสถาบันเปลี่ยนแปลงการปกครอง

สถานะ : ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง รอเรียกคู่กรณีชี้แจง

บทลงโทษ : ให้ยุบพรรคโดยศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 90 พ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 ประกอบมาตรา 92 (1) กระทําการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอํานาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ ในรัฐธรรมนูญ

(2) กระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข

“ธนาธร : อนาคตใหม่” ยังอยู่ในแดนเสี่ยง

เสี่ยงทั้งถูกคดีอาญา เสี่ยงทั้งถูกยุบพรรค

การเปิดแนวรบ – แนวรุกนอกสภา

เดินเกมใช้ขามวลชนนอกสภาสนับสนุนพรรค จึงเป็นจุดเลี้ยวสำคัญ ท่ามกลางคดีที่กำลังจ่อคอหอยรอการตัดสิน