“ทักษิณ” ไม่เคว้ง จัดฉากใหม่เพื่อไทย “สุดารัตน์” ยังได้ไปต่อ

ที่ผ่านมา “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี นายใหญ่พรรคเพื่อไทย “กบดาน” ไม่เคลื่อนไหวการเมือง ในจังหวะที่คดีของลูกชาย “พานทองแท้ ชินวัตร” คดีฟอกเงินธนาคารกรุงไทย เดินทางมาสู่ภาวะอันตราย และยุทธศาสตร์แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย ต้องพังครืนลงหลังอุบัติเหตุทางการเมืองของ “ไทยรักษาชาติ” จน “เพื่อไทย” ต้องพ่ายเกมบนกระดานเลือกตั้ง กลายเป็นฝ่ายค้าน

ในจังหวะนั้น เพื่อไทยยกเครื่องภายใน “ทักษิณ” ปล่อยให้ “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ขึ้นแท่นประธานยุทธศาสตร์พรรค พาพรรคพวก ลูกน้อง มีตำแหน่งบริหารพรรค เช่น “น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ” ได้ขึ้นเป็นเลขาธิการพรรค แทน “ภูมิธรรม เวชยชัย”

แต่แล้ว “ทักษิณ” ก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง ภายหลังเกิดกระแสข่าวรอยร้าวภายในพรรคขึ้นมาอีกรอบ
หลัง ส.ส.เพื่อไทย ที่มีค่าย มีก๊ก ก๊วน ไม่อยู่ใต้คอนโทรลของ เจ้าแม่ กทม. ได้ส่งตัวแทนบินไปฟ้องนายใหญ่ “ทักษิณ” ถึงดูไบ

ทั้งปมการเข้ามาแทรกแซงการทำงานของ ส.ส.อีสาน ส่งลูกน้องคนใกล้ชิดเข้าไป “ล้วงลูก” กลุ่ม ส.ส.ภาคอีสาน และถึงขั้นเข้าไปนั่งประชุม ส.ส.ภาค ด้วยตัวเอง

ทั้งปมความไม่ลงรอยในการตั้งคนมาทำหน้าที่เป็นกรรมาธิการต่างๆ ในสภา เช่น กรณีที่ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไทยรักษาชาติ กลับเข้ามาในเพื่อไทย และได้เป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563

รวมถึงความขัดแย้งระหว่างกลุ่ม ส.ส.กทม.ที่พยายามส่งผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ในนามพรรคเพื่อไทย ตัดเชือกกับ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของเพื่อไทย ที่ขอตัวลงสมัครพ่อเมืองกทม.ในนามอิสระ ซึ่ง ส.ส.อีสาน ที่เป็นกำลังหลักของเพื่อไทยส่วนใหญ่เห็นว่าพรรคควรหนุน “ชัชชาติ” มากกว่าส่งคนไปตัดคะแนนพวกเดียวกัน

แค่นี้ก็เพียงพอที่ ส.ส.อีสาน ส่งตัวแทนไปฟ้อง “ทักษิณ” ถึงมหานครดูไบ

เพราะ ส.ส.อีสานไม่ได้อยู่ในคอนโทรลของเจ้าแม่ กทม.ทั้งหมด ส.ส.อีสานที่ผนึกเป็นกลุ่มก้อนที่ไม่ขอขึ้นตรงกับประธานยุทธศาสตร์พรรคก็มี แม้ว่าจะมี ส.ส.อีสานบางส่วน ที่ไม่มีพวก ไม่มีกลุ่ม ต้องขออาศัยพึ่งใบบุญ

แต่ ส.ส.อีสาน รายหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในสังกัด “คุณหญิงสุดารัตน์” ยอมรับว่า ขณะนี้คุณหญิงกำลังเสียการควบคุมภายในพรรค คุม ส.ส.ไม่อยู่อย่างหนัก ขณะที่ ส.ส.ในเพื่อไทยอีกราย บอกว่า สถานการณ์ในพรรคขณะนี้อยู่ในภาวะ “น่าปวดหัว” เพราะคุณหญิงสุดารัตน์เชื่อฟังลูกน้องตนเองที่ส่งมากำกับ ส.ส.อีสานมากเกินไป

ส่วนทางกับฝั่ง “ภูมิธรรม เวชยชัย” อดีตเลขาธิการพรรค ที่ขณะนี้ประจำตำแหน่งที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และ ที่ปรึกษาผู้ในฝ่ายค้านในสภา ยังคงเชื่อมติดกับกลุ่ม ส.ส.ใน และยังมีบารมีเพียงพอที่จะประสานทั้งภายในพรรค และกับพรรคฝ่ายค้าน

กระนั้น ภายหลัง ส.ส.อีสานบินไปแจ้งข่าวต่อนายใหญ่ ก็ปรากฏว่า “คุณหญิงสุดารัตน์” ก็บินตามไปพบนายใหญ่ติดๆ เช่นกัน

ในที่สุด “ทักษิณ” ก็ปรากฏตัวเคลียร์สถานการณ์ ทวิตข้อความบน ทวิตเตอร์ส่วนตัว Thaksin Shinawatra@ThaksinLive ระบุว่า ขอบคุณท่านหัวหน้าสมพงษ์ คุณหญิงหน่อย ท่านประยุทธ์ และพี่ๆ น้องๆ ที่แวะมาให้กำลังใจกัน ในเทศกาลปีใหม่ ผมและน้องสาวรู้สึกอบอุ่นและดีใจทุกครั้งที่มีเพื่อนฝูงจากเมืองไทยมาเยี่ยมเยียนถึงดูไบ หวังว่าจะได้เจอกันอีกครับ”

เป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดในรอบหลายๆ เดือนที่เขา “หายตัว”

อย่างไรก็ตาม จากกระข่าวรอยร้าวดังกล่าว “ชูวิทย์ (กุ่ย) พิทักษ์พรพัลลภ” ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ปฏิเสธข่าวที่ ส.ส.อีสานไม่พอใจการทำงานของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค ยืนยันไม่เป็นความจริง เป็นการให้ข่าวเท็จ 100% คุณหญิงสุดารัตน์ได้ร่วมกับ ส.ส.อีสานทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ส.ส.ต่างชื่นชมถึงความทุ่มเท ความเสียสละที่ทำให้กับพรรค คนอีสานก็รักคุณหญิงมาก

“ขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้ 1.คุณหญิงสุดารัตน์เป็นผู้บริหารพรรค ได้ทุ่มเททำงานอย่างหนักและสนับสนุนการทำงานของ ส.ส.อีสาน และ ส.ส.ทุกคนเป็นอย่างดี 2.การที่คุณหญิงได้ร่วมประชุม ส.ส.อีสาน เป็นเพราะตนในฐานะประธาน ส.ส.อีสานได้รับการร้องขอจาก ส.ส.อีสานให้เชิญมาร่วมประชุม เพื่อจะได้รับทราบยุทธศาสตร์การทำงานในสภาแต่ละสัปดาห์ และภาคอีสานจะเชิญไปร่วมประชุมทุกสัปดาห์ด้วย 3.ส.ส.อีสานต่างมีความรักและชื่นชมต่อตัวคุณหญิงสุดารัตน์ ที่ได้ทุ่มเทเสียสละทำงานให้พรรคอย่างหนัก ส.ส.อีสานทุกคนขอเป็นกำลังใจให้ และจะยืนเคียงข้างคุณหญิงสุดารัตน์ในการทำงานให้ประชาชนต่อไป”

ขณะที่ “ประยุทธ์ ศิริพาณิชย์” ประธานภาคอีสาน เพื่อไทย ก็ออกมาสยบข่าว “เกาเหลา” ว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างคุณหญิงสุดารัตน์กับผมนั้นดี เพราะทั้งสองครอบครัวรู้จักสนิทสนมกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อ ดังนั้นจึงไม่มีเรื่องใดที่จะให้ขัดแย้งหรือเห็นต่างกัน ข่าวที่ออกมาผมไม่รู้ว่าคนที่ออกมาปล่อยข่าวคือใคร แต่หากเป็นคนในพรรคเพื่อไทยที่ใช้วิธีการสร้างความขัดแย้งด้วยการนำเอาผมมาเป็นเป้า ก็อยากเตือนว่าเป็นการกระทำที่ไม่เป็นมงคลทั้งกับตนเองและพรรคเพื่อไทย”

ที่สุดแล้ว “ทักษิณ” ยังคงเป็น “หัวใจ” ของพรรคเพื่อไทย แม้จะมีข่าวว่า “ทักษิณ” ไม่ปล่อยท่อน้ำเลี้ยงเหมือนเช่นอดีตแล้วก็ตาม