เสียงงูเห่าชี้ชะตา “สภาบิ๊กตู่” ซื้อขายคึก รับศึกงบปี”63-ซักฟอก

แม้ว่าสุดท้าย ฝายรัฐบาลจะชนะด้วยการ “คว่ำ” ญัตติที่สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำประกาศและคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และการใช้อำนาจของหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติตามมาตรา 44 ของฝ่ายค้าน “ปิยบุตร แสงกนกกุล” ส.ส.บัญชีรายชื่อ อนาคตใหม่ และ “สาธิต วงศ์หนองเตย” ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ที่เสนอขึ้นมาประกบด้วยมติ 244 ต่อ 5 งดออกเสียง 6 ไม่เห็นด้วยกับการตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบคำสั่ง คสช.และมาตรา 44 แต่เบื้องหลังเหมือนชนะแต่แพ้…แม้ชนะที่คะแนนเสียง แต่ในจำนวนเสียงที่ชนะยังต้องพึ่งพิงเสียง “งูเห่า” ฝ่ายค้าน

อินไซด์เกมไล่จับงูเห่า

“งูเห่า” ที่มีทั้งเปิดหน้า-นิรนาม เป็นผู้กุมชะตากรรมรัฐบาลปริ่มน้ำภาพที่ปรากฏ 6 ชั่วโมงก่อนการโหวตญัตติร้อน ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ต่างเช็กเสียงกันให้วุ่นวาย วิปรัฐบาลสั่ง ส.ส.รัฐบาลทุกคนเข้ามาเตรียมพร้อมตั้งแต่บ่าย 2 กำหนดให้วิปรัฐบาล 1 คน ต่อ ส.ส. 6 คน ติดตาม ส.ส.ที่รับผิดชอบว่าใครมาแล้ว ใครมาสาย

ขณะที่วิปฝ่ายค้านคอยจับตา ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลที่เข้ามาลงชื่อประชุม โดยหวังไว้ในใจว่า หาก ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลมาไม่ถึง 249 คน เป็นอันว่า สภาล่มรอบที่ 3 ทีมงานวิปฝ่ายค้านจึงสั่งให้วิปฝ่ายค้านทุกคนช่วยกันเช็ก ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ลงชื่อเข้าห้องประชุมแล้วกี่คน และมีฝ่ายค้านคนไหนที่เป็น “งูเห่า” แอบไปเซ็นชื่อให้ฝั่งรัฐบาล ปรากฏว่ามีพรรค

อนาคตใหม่ 3 คน พรรคเศรษฐกิจใหม่ 1 คน ต่อมาฝ่ายค้านเช็กซ้ำอีกครั้ง ส.ส.เพื่อชาติ ได้ถอนชื่อออกไป ทำให้ในขั้นแรกมีงูเห่า 4 ตัว จึงปล่อยให้ ส.ส.ฝ่ายค้านไปลงชื่อเพื่อเปิดประชุมได้แล้วค่อยเช็ก “งูเห่า” อีกครั้งตอนนับองค์ประชุมก่อนโหวตทีละคน แบบขานชื่อกระทั่งจับบุคคลต้องสงสัยเป็น “งูเห่า” ได้ถึง 10 ตัว

3 ยกต้องใช้บริการมือปริศนา

หลังเกม “จับงูเห่า” ทำอลหม่านในสภาเมื่อ 4 ธ.ค. มีชอตต่อไปที่รัฐบาลต้องเหนื่อยอย่างน้อยอีก 3 ยก ยกแรก การตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 แม้ว่าฝ่ายรัฐบาลคุมเกมเหนือกว่า จะดึง-จะผ่อน อยู่ในการคอนโทรลของรัฐบาล รัฐบาลเผยโฉมหน้าค่าตา 6 กมธ.ในสัดส่วนโควตาคณะรัฐมนตรีแล้ว เหลือเพียงเปิดเผยโฉมหน้าในส่วนของฝ่ายรัฐบาล+พรรคร่วม อีก 24 คน รวม 30 คน ขณะที่ฝ่ายค้านมีกำลังในชั้น กมธ.เพียงแค่ 19 คน แต่ใช่ว่าฝ่ายรัฐบาลจะกุมความได้เปรียบในเกมแก้รัฐธรรมนูญเสมอไป

“วัฒนา เมืองสุข” 1 ใน 8 คน ที่จะมาเป็นโควตา กมธ.ในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย มองข้ามชอตการศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะนำไปสู่การไกล่เกลี่ย ตกลงกันระหว่างฝ่ายค้านกับรัฐบาลหาจุดที่ลงตัว โดยฝ่ายค้านเสนอให้มีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญไปยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ หากรัฐบาลรวมกับ ส.ว. 250 คน แม้มีเสียงมากกว่าฝ่ายค้าน แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญตามอำเภอใจได้ เพราะจะต้องมีเสียงของฝ่ายค้าน 20 เปอร์เซ็นต์

“ถ้าฝ่ายค้านไม่ยกมือให้ รัฐบาลก็แก้ไม่ได้ นี่อิทธิฤทธิ์อย่างหนึ่งของรัฐธรรมนูญมีชัย ล็อกตายทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน”

จับตางบประมาณ “งู” โผล่อีก

ชอตที่สอง การโหวตงบประมาณ 2563 แม้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ด้วยคะแนน 251 ต่อ 0 งดออกเสียง 234 ไม่ลงคะแนนเสียง 1 จากองค์ประชุม 486 เสียง

เพราะฝ่ายค้านนัดกันไม่ลงคะแนน เพื่อให้ร่างงบประมาณได้เข้าสภา แต่ขณะเดียวกัน ยังขู่ว่าหากในชั้นแปรญัตติไม่ทำตามเงื่อนไข ให้ทบทวนการจัดงบประมาณที่อัดงบประมาณให้กองทัพจนอู้ฟู่ ในขณะที่กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาลดลง

มีสิทธิที่ฝ่ายค้านจะยกมือโหวตคว่ำงบประมาณ รัฐบาลอาจจะอยู่ไม่ได้ตามขั้นตอนร่าง พ.ร.บ.งบประมาณจะเสร็จในชั้นคณะกรรมาธิการแปรญัตติ ช่วง 21-23 ธ.ค.จากนั้นจะบรรจุเข้าพิจารณาในวาระ 2 เป็นรายมาตรา ไม่เกินวันที่ 8-9 ม.ค. 63 รวมถึงการโหวตทั้งฉบับในวาระ 3 ถ้ารัฐบาลปริ่มน้ำยังกุมสภาพไม่ได้อาจต้องพึ่งบริการ “งูเห่า” อีกหน งานนี้รัฐบาลมีเหนื่อย

ฝ่ายค้านซุ่มซักฟอกปีหน้า

ชอตที่สาม อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แม้ว่าฝ่ายค้านจะเลื่อนการยื่นญัตติการอภิปรายออกไป เดือน ม.ค.-ก.พ. 2562 เพราะมีเงื่อนไขต่าง ๆ เข้ามา “ขัดจังหวะ” การอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือน ธ.ค. 2562

“ภูมิธรรม เวชยชัย” ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน คอนดักเตอร์สำคัญของฝ่ายค้าน กล่าวว่า เหตุที่ต้องเลื่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเจอเงื่อนไขเยอะ ก่อน 12 ธ.ค.มีเรื่องพระราชพิธีสำคัญ 12-22 ธ.ค.มีเรื่องเลือกตั้งซ่อมขอนแก่น จะทำให้เกิดยุ่ง วุ่นวาย 22-28 ธ.ค.เหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะถึงปีใหม่ ขณะเดียวกัน ยังมีเรื่อง พ.ร.บ.งบประมาณ 2563 เข้ามาคั่น งบประมาณ อย่างไรก็ไม่ทันอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม แผนสำคัญที่จะนำมาย้อนเกล็ดรัฐบาลคือปม “ทุจริตเชิงนโยบาย” ที่พรรคเพื่อไทย เป็นข้อหาเดียวกับที่พรรคบริวารของทักษิณ
ชินวัตร ตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชน จนถึงเพื่อไทย ถูกตราหน้าด้วยคำครหานี้

แต่ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจเที่ยวนี้ ฝ่ายค้านวางแผนหยิบมาย้อนศร เล่นงานกลับรัฐบาลประยุทธ์ 2/1 ทั้งการวางผังเมืองเอื้อนายทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) การเข็นโปรเจ็กต์ยักษ์โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 3 แสนล้านเข้ากระเป๋านายทุนรายใหญ่ โดยจะจับตามองการแถลงผลงานของรัฐบาลอีก 1 ครั้ง เพื่อประเมินสถานการณ์ซักฟอกต่อไป

“งูเห่า” และ “มือปริศนา” ยังคงเป็นกำลังหลักและชี้ชะตาทุกวาระของฝ่ายรัฐบาล