ผู้ว่า กทม.คนที่ 13 พลังประชารัฐ จุดขายเอ็กซ์ตร้า 1+4 สู้ ‘ชัชชาติฟีเวอร์’

พลังประชารัฐ (พปชร.) ภายใต้ 34 กรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคชุดใหม่ ยุทธศาสตร์-chapter ต่อไป

ต้อง “บุกหนัก” ทั้งภาคใต้-เหนือ-ตะวันออกเฉียงเหนือ-ภาคกลางและกรุงเทพมหานคร (กทม.)

โดยเฉพาะการ “ปักธง” ผู้ว่าราชการ กทม.-“ผู้แทนคนที่ 13” ในพื้นที่ กทม. ภายหลังจากกวาดเก้าอี้ ส.ส.กทม. 12 ที่นั่ง-มากที่สุดจากทุกพรรคการเมือง ล้มพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)-แชมป์เก่าหมดรูป

ทว่า “คู่ต่อกร” พ่อเมืองเสาชิงช้าที่ต้อง “ขับเคี่ยว” มีถึง 3 พรรคใหญ่-พรรคอิสระ ได้แก่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย และพรรคอนาคตใหม่ และ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ในนามอิสระ เขี้ยวทุกพรรค-จัดทุกตัว

“พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” ประธานยุทธศาสตร์ภาค กทม.พลังประชารัฐ ประเมินการแข่งขันสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ว่า จากฐานเสียงมี 4 พรรค ประกอบด้วย 2 พรรคที่เป็นคู่เทียบ-ขั้วเดิม ได้แก่ 1.ประชาธิปัตย์ เป็นแชมป์เก่า และ 2.เพื่อไทย 3.อนาคตใหม่ เพราะกระแสเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมาได้คะแนนจำนวนมาก และ 4.พลังประชารัฐ

“กทม.ต้องสู้แน่นอน ต้องดูกระแสของคน กทม.อยากได้อะไร ปัญหา กทม.เปลี่ยนไปเยอะมาก เช่น ปัญหาฝุ่นPM 2.5 การจัดการขยะ การใช้พลังงาน เป็นปัญหาใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้น ผู้ว่าฯ กทม.ต้องเป็นคนที่เข้าใจปัญหา”

“วันนี้ ใครก็ได้ที่พร้อมจะแก้ปัญหาให้คน กทม.จริง ๆ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แต่เป็นปัญหาเล็ก ปัญหาซ้ำซาก ทำไม่สำเร็จไม่เป็นไร แต่ขอให้ตั้งใจและลงมือทำ ถูกใจคน กทม.แน่นอน”

ขณะที่ “คู่แข่ง” ของพลังประชารัฐ “ตลอดกาล” อย่าง “ชัชชาติ” แม้ครั้งนี้จะ “ปลดแอก” ออกจากเสื้อคลุมเพื่อไทย แต่ยังมี “เงาเสียง” ของเพื่อไทย-คนแดนไกลสนับสนุน

“อันนี้จะเป็นจุดแข็งของพลังประชารัฐ เพราะสิ่งหนึ่งที่คุณชัชชาติยังไม่สามารถอธิบายกับคน กทม.ได้ คือ ทำไมต้องลงสมัครในนามอิสระ และเพื่อไทยจะส่งคนลงสมัครหรือไม่”

“ถ้าเพื่อไทยไม่ส่งแล้วคุณชัชชาติลงอิสระ ผมคิดว่าคน กทม.ไม่โง่นะครับ”

“เขารู้เลยว่า คุณเล่นเกมอะไรหลอกคน กทม. กระแสจะตีกลับ คนจะคิดว่าคุณชัชชาติกับเพื่อไทยรู้กัน เพื่อเลี่ยงความเป็นเพื่อไทยและเอาคะแนนจากคนที่เข้าใจว่าไม่ใช่ (คนกลาง ๆ) คน กทม.จะให้บทเรียน”

ประธานยุทธศาสตร์ภาค กทม. แง้มสเป็ก “แคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม.” ของพลังประชารัฐว่า วันนี้เราเห็นคู่แข่งชัดเจน 2 คน การคัดสรรใครเป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หนึ่ง คู่แข่ง สอง ผู้สมัครของพรรคจะแก้ไขปัญหาได้จริงหรือไม่

“ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งจะมีนโยบายดี ๆ มาหลอกคน กทม.เสมอ นโยบายขายฝัน คน กทม.ที่ถูกหลอกให้ฝันหวานมาโดยตลอด เช่น แก้ปัญหารถติด”

“คนที่จะมาเป็นผู้ว่าฯ กทม.หรือพรรคที่จะส่งแล้วได้ใจคน กทม. ต้องเสนอนโยบายที่ไม่เพ้อฝัน อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เป็นปัญหาซ้ำซาก ทำได้จริงและทำได้เร็ว เช่น ทางม้าลาย สะพานลอยคนข้าม คลอง ทางเดินเท้า”

แคนดิเดต-คนในใจของพลังประชารัฐที่“อุบไต๋” รอจังหวะ “หงายไพ่” ในมือ หลังจากเห็นหน้า-เห็นหลังคู่แข่ง โดยมีอย่างน้อย 2-3 คน ทั้งผู้หญิง-ผู้ชายที่พร้อมจะเปิดตัว

“สถานการณ์การเลือกตั้งของคน กทม.เปลี่ยนเร็วมาก อาจต้องตัดสินใจใกล้ ๆ เพื่อดูกระแสขณะนั้น อาจต้องแก้เกมใกล้ ๆ เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เปิดตัวเร็วก็ไม่ดี”

“มี (ไพ่เด็ด) แน่นอน พลังประชารัฐเป็นพรรคการเมืองใหญ่ ได้ทาบทามและเตรียมไว้บ้างแล้ว แต่ครั้งนี้จะเห็นความเปลี่ยนแปลงของพลังประชารัฐ เพราะจะส่งผู้ว่าฯ กทม.ที่ไม่ได้มีแต่ความโดดเด่นเฉพาะตัว แต่จะขายความเป็นทีมเวิร์ก”

“ที่ผ่านมาขายผู้ว่าฯ กทม.คนเดียว แต่ กทม.เป็นเมืองใหญ่ ต้องดูทั้งทีม 1+4 แต่ละด้าน ขายความเป็นทีมเวิร์ก มีตัวเลือกผู้ว่าฯ กทม.และรองผู้ว่าฯ ในใจจำนวนมาก มีรองผู้ว่าฯ กทม.ที่ครบเครื่อง ความเข้าใจปัญหาคน กทม. เป็นคนรุ่นใหม่”

ทว่าอาถรรพ์ของการชิงเก้าอี้ “พ่อเมืองเสาชิงช้า” คือ ผู้ว่าฯ กทม.จะอยู่ “ขั้วตรงข้าม” กับพรรครัฐบาลทุกยุค-ทุกสมัย “โจทย์หิน” ของพลังประชารัฐ คือ จะทำอย่างไรให้ “ชนะเด็ดขาด” ผู้ว่าฯ กทม.เป็น “ขั้วเดียวกัน” กับรัฐบาล-ไร้รอยต่อ

“วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป พลังประชารัฐมี ส.ส.กทม. 12 คน ไม่ถึงครึ่งของ ส.ส.กทม.ทั้งหมด 30 เขต การแก้ไขปัญหาของคนกรุงเทพฯ มี ส.ส.อย่างเดียวไม่พอ ถ้าได้ผู้ว่าฯ กทม.มาผลักดันและเป็นในนามพลังประชารัฐ ปัญหาจะแก้ไขง่ายขึ้น”

“ปัญหาของคน กทม.ในอดีต ที่มีผู้ว่าฯ กทม.สวนกับขั้วรัฐบาล เป็นอีกพรรคหนึ่งมาโดยตลอด ทำให้การขับเคลื่อนการแก้ปัญหายากมาก คราวนี้คนกรุงเทพฯจะได้เห็น ส.ส. ผู้ว่าฯ กทม. ส.ข. และ ส.ก.เป็นพรรคเดียวกันให้ได้ เพื่อเร่งแก้ปัญหา”

ศึกชิงผู้ว่าฯ กทม.จึงเดือดไปจนกว่ากรรมการจะนับถึง 10