‘ประยุทธ์’ เพิ่มกุนซือการเมือง รับศึกการทูต-แก้เกมฝ่ายแค้น

รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องเผชิญ “ศึกรอบด้าน” ทั้งการเมือง-ความมั่นคง เศรษฐกิจไทย-เศรษฐกิจโลก

ท่ามกลางความสลับซับซ้อน-การเดินหมากการเมืองระหว่างประเทศ

กุนซือ-ทีมงานรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในยุค 2020 จึงครบเครื่องทั้งบู๊-บุ๋น วางยุทธศาสตร์-ยุทธวิธีทางการทหาร-แก้กลกฎหมาย ออกจากกับดักเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ

แต่งตั้งกุนซือลับ-ที่ปรึกษาหน้าห้อง และทีมงานการเมือง-ความมั่นคง-ต่างประเทศ เสริมทัพ-ข้างกาย

ทั้งในหมวกนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ณ ตึกไทยคู่ฟ้า กองบัญชาการทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ “เสริมทัพ” ด้วยกุนซือพลเรือน-คนการเมืองพันธุ์พิเศษ บิ๊กสีกากีนอกราชการ

“พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ก่อน “จับพลัดจับผลู” ประธานคณะกรรมาธิการศึกษาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560

“อดีตลูกหม้อค่ายสีฟ้า” มีสายสัมพันธ์ “แนบแน่น” ผู้บริหารกองทัพอย่าง “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ตั้งแต่เป็น “เด็กนักเรียน” โรงเรียนเซนต์คาเบรียล

เป็น “เพื่อนสนิท” กับ “บิ๊กต่าย” พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ ตั้งแต่ไปสอบ เข้าโรงเรียนเตรียมทหาร “โชคชะตา” ขีดเส้นชีวิตให้มาประจำการตึกไทยคู่ฟ้า

“จะมาลุยงานให้ท่านนายกฯดูเรื่องที่ผมถนัดก่อน เรื่องกฎหมายใดที่ต้องแก้ไข เรื่องการปราบปรามการทุจริต หรือต้องเขียนกฎหมายใหม่ไหมกฎ ระเบียบราชการเป็นอย่างไรบ้าง” พีระพันธุ์เปิดใจเมื่อเข้ารับตำแหน่ง

นอกจากนี้ยังได้ “นักการทูตฝีมือดี” ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อย่าง “บรรสาน บุนนาค” อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

เจ้าของเครื่องราชอิสริยาภรณ์พระราชทาน The Order of the Rising Sun ชั้น Grand Cordon จากสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น มาเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง

รวมถึง “มือพระกาฬ” อย่าง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีคุมงานความมั่นคง เสิร์ฟ “ข้อมูลลับ” ความเคลื่อนไหวขั้วการเมืองนอกสภา-ม็อบการเมืองสีส้ม รวมถึงลิสต์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล ปราบปรามการค้ามนุษย์

ส่วน “เลขาฯคู่ใจ” ข้างกาย “สนามไชย 1” มี “บิ๊กชาติ” พล.อ.สุชาติ หนองบัว นายทหารนอกราชการ เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

“บิ๊กชาติ” ได้รับ “ความไว้วางใจ” ตั้งแต่ยุค คสช. เป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และประธานบอร์ดการเคหะแห่งชาติ โดยมี “พ.อ.ทศพล ชัยสิทธิ์” และ “พ.อ.หญิง ธัญญรัตน์ ผดุงศิริชัยกุล” เป็นทีมงาน

สมทบทีมกับ “กุนซือนายพล” ที่ช่วยงานพล.อ.ประยุทธ์ มาตั้งแต่ในยุครัฐบาล-คสช.อย่าง “เสธ.มิตต์” พล.อ.นิมิตต์ สุวรรณรัฐ และ “เสธ.เก๋” พ.อ.ณัฐวุฒิ ภาสุวณิชยพงศ์ นายทหารฝ่ายเสนาธิการ-ผู้อำนวยการสำนักการฝึกและศึกษา กรมยุทธการทหารบก

โดยเฉพาะ “เสธ.มิตต์” ที่เปรียบเสมือนเป็น “นายทหารคู่คิด” ของ “พล.อ.ประยุทธ์” ที่นักธุรกิจ-รัฐมนตรีสายเศรษฐกิจต้องการ “เข้าถึง” มากที่สุด

ผลงานเข้าตา จนกระทั่งมีกระแสข่าวว่า พล.อ.นิมิตต์ จะลาออกจากราชการ-นายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม ไปรับตำแหน่ง รมช.พลังงาน ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 2/1 แต่สุดท้ายยังคงเป็น “เงาบิ๊กตู่” ปฏิบัติ  “ภารกิจลับ” รอแต่งตัวขึ้นแท่นเสนาบดี

ขณะที่ทีมหน้าห้อง ทีมโฆษกประยุทธ์ 1-คสช. อย่าง “หม่อมกวาง” พล.ท.ม.ล.กุลชาติ ดิศกุล และ “เสธ.ก้อง” พล.ต.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ “ลิซ่า” พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ทีมผู้ช่วยโฆษกยุค คสช. ยังคอยประสานงานเบื้องหน้า-เบื้องหลัง เข้า-ออกตึกไทยคู่ฟ้าเป็นระยะ

ผนึกกำลังกับ “ดิสทัต โหตระกิตย์” อดีตเลขาธิการกฤษฎีกา เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่คอย “เคลียร์คัต” ข้อกฎหมายให้ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งในทำเนียบรัฐบาล-ในสภา-ศาล

และ “เดอะกิ๊ก” นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่คอย “ตัดบท” วาระ ครม.ที่จะเป็น “เผือกร้อน” และเป็น “จุดตาย” รัฐบาล ไม่ให้ถึงมือ พล.อ.ประยุทธ์

ด้าน “ทีมงานบิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร รองนายกรัฐมนตรี มีพรายกระซิบ-กุมารทองขนาบข้าง คอย “รับออร์เดอร์” ก่อนถึงมือ พล.อ.ประวิตร อย่าง “ประสาน หวังรัตนปราณี” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

“ประสาน” ผู้ที่เป็นเสมือน “บุรุษไปรษณีย์” ส่งหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรแทนบิ๊กป้อม-บิ๊กตู่ ให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ

รวมถึง “บิ๊กนู” พล.อ.อ.ธนู ปานสุวรรณ เป็นที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ทำงาน “คู่ใจบิ๊กป้อม” มาตั้งแต่ยุค คสช. พร้อมกับตั้ง พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ อดีตที่ปรึกษา สบ.10 ด้านความมั่นคง เจ้าของฉายามือปราบค้ามนุษย์เป็นรองเลขาธิการนายกฯ ฝ่ายการเมือง

และวินาทีนี้ต้องนับรวม “อาจารย์แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพราะเข้า-ออกทุกวงประชุมของ “สร.2”

ส่วน “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี ดึง “มือพระกาฬ” อย่าง “วราเทพ รัตนากร” อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มาช่วยงาน-ประเดิมด้วยตำแหน่งคณะกรรมาธิการวิสามัญงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563

“วราเทพ” เป็น 1 ใน 2 รัฐมนตรี “ยุครัฐบาลทักษิณ” ที่ไม่ถูกปรับออกจากตำแหน่ง นอกจากนี้ นายสมคิดยังมี “ณรงค์ วิทยไพศาล” กูรูกฎหมาย เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี มาช่วยงานด้านกฎหมาย เพราะขยาดกับการต้องเป็นจำเลยในคดีกล้ายางสมัยรัฐบาลทักษิณ

ยังมีคณะที่ปรึกษา ได้แก่ นายพิริยะ เข็มพล อดีตกงสุลใหญ่ ณ นครนิวยอร์ก เอกอัครราชทูต ณ กรุงอัมมานราชอาณาจักรฮัชไมต์แห่งจอร์แดน รองอธิบดีกรมสารนิเทศ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งประเทศไทย นายเทวินทร์ วงศ์วานิช อดีตซีอีโอบริษัท ปตท. ล่าสุดไปนั่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) โควตา “เด็กสมคิด” และนายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ลูกชายนายสม จาตุศรีพิทักษ์ เป็น “หลานสมคิด”