ตามปฏิทินการเมือง 7 พรรคฝ่ายค้าน ปักหมุดยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่เกิน 16-20 ม.ค. 2563
เพื่อให้ “ชวน หลีกภัย” ประธานสภาผู้แทนราษฎร บรรจุวาระ “ซักฟอก” ไว้ในกำหนดการประชุมภายใน 7 วัน หลังจากยื่นญัตติ ตรงกับช่วงหลังเทศกาล “ตรุษจีน” ถัดจากนั้นอีก 2 สัปดาห์ จะมีการเปิดศึกซักฟอกรัฐบาลประยุทธ์ 2/1
ดังนั้น ไม่เกินสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ก.พ. 2563 อภิปรายไม่ไว้วางใจจะรูดม่านเปิดฉากอภิปราย 3 วัน 2 คืน
7 พรรค จัดขุนพลรอเชิดไว้ 25 คน เสริมทีมแบ็กอัพข้อมูล มือฉมังเกมสภาอย่าง “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ เพื่อไทย ถ้า “อนาคตใหม่” ยังไม่มีอันเป็นไปเพราะเหตุยุบพรรค ก็จะมี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” เป็นกองหนุนนอกสภาให้อนาคตใหม่
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ถึงตาย ไม่ถึงกับสาหัส แต่อย่างน้อยก็เลือดซิบ
กระนั้น รัฐบาลจะผ่านไปได้อย่างไม่ยากเย็น…มากสุดแค่ปรับคณะรัฐมนตรี
เพื่อไทย ซ่อนดาบในรอยยิ้ม
แต่ที่เลือดอาบตั้งแต่ยังไม่ “ออกศึก” คือปัญหาวุ่น ๆ ในพรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะ 2 พรรคหลัก พรรคใหญ่ในเพื่อไทย-อนาคตใหม่ ที่ยังไม่เป็นขบวน
เริ่มจากพรรคเพื่อไทย หลังปรากฏข่าวลือเมื่อ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เจ้าแม่ กทม. ลาออกจากประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย
ข่าวลือถึงขั้นว่า เจ้าแม่ กทม.เก็บข้าวเก็บของออกจากพรรคตั้งแต่ช่วงก่อนปีใหม่ แถมยังร่างหนังสือลาออกโดยยื่นตรงถึง “ทักษิณ ชินวัตร” นายใหญ่ดูไบ และคุณหญิงอ้อ “พจมาน ณ ป้อมเพชร์” แต่ยังไม่มีท่าทีตอบรับการลาออก
ซึ่งชนวนดังกล่าวเกิดขึ้นหลังพรรคตั้ง “ร.ต.อ.เฉลิม” เป็นหัวขบวนอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล มีบทบาททับซ้อนกับเจ้าแม่ กทม.
ไม่ทันข้ามวัน “คุณหญิงสุดารัตน์” เปิดบ้านลาดปลาเค้า 60 เลี้ยงขอบคุณทีมงาน ส.ส.ที่ช่วยงานเลือกตั้งซ่อมขอนแก่น เขต 7 เกมนี้พ่วงวัดพลัง ส.ส.ในสังกัดไปในตัว
“คุณหญิงสุดารัตน์” ใช้งานนี้ ตอบโต้ข่าวปล่อย-ข่าวปลอม ว่า ไม่รู้ใครเป็นผู้ปล่อยข่าวดังกล่าวออกมา แต่มีการทำเช่นนี้หลายครั้งแล้ว ตั้งแต่เข้ามาทำงานมีตำแหน่ง ก็ไม่รู้ว่าไม่ชอบอะไร คงต้องการทำให้ตนเสียหาย แต่มันทำให้พรรคเพื่อไทยเสียหายด้วย
“ที่ผ่านมาไม่เคยตอบโต้ เพราะคิดว่าพรรคต้องรบรากับคู่แข่งรอบทิศ จึงควรทำให้พรรคแข็งแรง จึงเก็บความขมขื่นในใจไม่เคยตอบโต้ อยากให้คนที่ทำเช่นนี้นึกถึงพรรคด้วย พรรคการเมืองมีความคิดแตกต่างกันได้ แต่ถ้าใครคิดว่าทำอะไรไม่ถูกควรพูดกันตรง ๆ กล้า ๆ บอกมาได้ จะได้ปรับตัว หรือออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อเปิดชื่อออกมา ไม่ใช่ใช้วิธีลอบกัดเป็นแหล่งข่าวแบบนี้ถือว่าไม่ได้ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษไม่มีศักดิ์ศรี”
“วันนี้คนไม่กี่คนที่อาจไม่ชอบ ก็ควรพูดตรง ๆ ที่ผ่านมาเต็มที่กับพรรคเพราะรักพรรค การปล่อยข่าวเช่นนี้ทำให้พรรคเสียหาย จึงอยากให้คิดถึงพรรคด้วย วันนี้คิดว่าพรรคแข็งแรงแล้วหรือถึงมาตีกันในพรรคเช่นนี้”
คนใกล้ชิดฟาก “สุดารัตน์” ออกมาแฉกลับว่า มีผู้ใหญ่ 2 คนในพรรคที่มักอ้างชื่อ “นายใหญ่” โทร.ล็อบบี้ ส.ส.ว่าไม่ควรมางานเลี้ยงดังกล่าวที่บ้าน
“คุณหญิงสุดารัตน์” ทำให้ ส.ส.ไหลไปให้กำลังใจจนต้องเพิ่มโต๊ะ หนึ่งใน ส.ส.ที่ไปงานบ้านลาดปลาเค้า คือ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” ส.ส.เชียงราย ลูกชายของ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” หัวหน้าพรรค
เพียงแต่ “ตัวพ่อ” สมพงษ์ ไปงานเลี้ยงที่บ้านพักย่านเหม่งจ๋ายของ “เสี่ยเพ้ง” พงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล พร้อม ส.ส.สายตรงของนายใหญ่ดูไบไปร่วมงานพร้อมหน้า แถม ส.ส.ที่ไปบ้านเจ้าแม่ กทม.เมื่อช่วงหัวค่ำ ก็รีบไปต่อที่บ้านเหม่งจ๋ายของ “เสี่ยเพ้ง” วัดพลังเห็น ๆ
แต่ไม่ว่าปล่อยข่าวฟัดกันเองระหว่างสองขั้วเพื่อชิงการนำในพรรค หรือเป็นเกมปล่อยข่าวเองเพื่อสร้างซีนดราม่า
แต่เนื้อแท้สะท้อนความไม่เป็น “เอกภาพ” ทั้งสองข้าง ซ่อนดาบไว้ข้างหลัง แม้หน้าฉากยังยิ้มให้กัน
ดังนั้น เมื่อถาม “คุณหญิงสุดารัตน์” ว่า ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ จะเดินหน้าได้อย่างไรในเมื่อต่างฝ่ายต่างซ่อนดาบไว้ข้างหลังแบบนี้ เธอตอบว่า “ถึงอยู่เฉย ๆ ไง เก็บแรงไปสู่กับศัตรูคือ…ลุง ดีกว่า”
หวั่นยุบอนาคตใหม่
ขณะที่ “พรรคอนาคตใหม่” ที่คอกำลังพาดเขียงจาก 2 คดีสำคัญ คดีแรก ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 21 ม.ค. กรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค พร้อมคณะกรรมการบริหารพรรค ถูกร้องว่ามีการกระทำเข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่เรียกว่าคดีอิลลูมินาติ
อีกคดี กกต.ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 วรรค 1 (3) ประกอบมาตรา 72 กรณีทำสัญญากู้เงินนายธนาธร จำนวน 191 ล้านบาท เข้าข่ายเป็น “นิติกรรมอำพราง” หรือไม่ โดยคดีอยู่ระหว่างศาลรัฐธรรมนูญให้ กกต.และพรรคอนาคตใหม่ชี้แจงข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน ซึ่งครบกำหนด 9 ม.ค. 2563 มีรายงานจากศาลรัฐธรรมนูญว่า กำลังรอคำชี้แจงของพรรคอนาคตใหม่อยู่
อย่างไรก็ตาม “อนาคตใหม่” เตรียมทางหนีทีไล่ หากเกิดการยุบพรรคเตรียมขนสมาชิกพรรคไปอยู่พรรคสำรอง ขณะที่แกนหลักอย่าง “ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์ วานิช” ทำการเมืองนอกสภา
ขยับแผนกระชับมิตร
อย่างไรก็ตาม จากเรื่องวุ่น ๆ ในเพื่อไทย บวกกับกระแสยุบพรรคอนาคตใหม่ ที่ยังไม่รู้ออกหัวหรือก้อย ก็ทำให้แผนของ 7 พรรคฝ่ายค้าน ที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ+การจัด “เอาติ้ง” ของ 7 พรรคที่ จ.เชียงราย พร้อมกับเตะฟุตบอลกระชับมิตรกับสโมสรฟุตบอลเชียงราย ยูไนเต็ด ช่วง 18-19 ม.ค. 2563 ต้องขยับปฏิทินไปก่อนโดยไม่มีกำหนด เพราะต้องดูผลของคดีอิลลูมินาติของอนาคตใหม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย 21 ม.ค. 2563
และการอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องยื่นช่วง 16-20 ม.ค. 2563 เพื่อให้คิวซักฟอกเกิดขึ้นเดือน ก.พ.อาจผ่านเรื่องยุ่ง ๆ ของอนาคตใหม่ ไปได้หนึ่งเปลาะ
เศรษฐกิจใหม่ แตกแล้วแตกอีก
ส่วนพรรค 6 เสียง ร่วมฝ่ายค้าน “เศรษฐกิจใหม่” ก็ยังมีเรื่องดราม่าชวนปวดหัวไม่เลิก เมื่อ “เกียรติภูมิ สิริพันธุ์” อดีตรองหัวหน้าพรรค ออกมาแฉว่า “การเลือกหัวหน้าพรรค เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 62 ไม่มีการแจ้งสมาชิก มีการเกณฑ์ชาวบ้านจาก 2-3 ชุมชนในกรุงเทพฯ ซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิก แต่ได้รับการจ้างมาคนละ 500 บาท นอกจากนี้เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 62 กกต.ได้สั่งให้การประชุมครั้งนั้นเป็นโมฆะ ทำให้ปัจจุบันไม่มีหัวหน้าพรรค หัวหน้าพรรคคนสุดท้ายยังชื่อมิ่งขวัญ”
“อภิวัฒน์ อากาศฤกษ์” รักษาการนายทะเบียนพรรค สวนทันควันว่า เหตุที่ กกต.ไม่รับรอง เนื่องจากการมอบอำนาจจากตัวแทนสาขาไม่ครบ ทำให้ต้องมีการจัดการประชุมใหม่ ซึ่งหากไปดูเอกสารของ กกต. จะเห็นว่าไม่มีข้อกล่าวหาเรื่องการจัดประชุมโดยทุจริต และรักษาการหัวหน้าพรรค คือ “สุภดิช อากาศฤกษ์” และจะขับ “เกียรติภูมิ” ออกจากพรรค
ก่อนหน้านี้ “สุภดิช” เคยแบะท่าว่า พร้อมร่วมกับฝ่ายรัฐบาล หากมีการทาบทามมา ภายหลังอยู่ร่วมเป็นองค์ประชุมให้กับฝ่ายรัฐบาล 4 เสียง ในการคว่ำญัตติตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาผลกระทบคำสั่ง คสช.และ ม.44
นี่จึงเป็นเหตุว่า ฝ่ายค้านเองก็เครื่องรวนจนระส่ำ
มิอาจคิดถึงการล้มรัฐบาลเรือเหล็กที่ขณะนี้ลอยอยู่เหนือน้ำ ด้วยการเปิดศึก “ซักฟอก” เพราะฝ่ายค้านยังเอาตัวเองไม่รอด