ประยุทธ์ สัญจรนราธิวาส รำลึกบ้านเกิด “อาจารย์น้อง”

รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่หรือ “ครม.สัญจร” ครั้งที่ 2 ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ 2

เป็น “ครม.นัดแรก” ของปี 2563 ในวันที่ 20-21 มกราคม 2563 ที่จังหวัดนราธิวาส

โดย “พล.อ.ประยุทธ์” จะลงพื้นที่จ.นราธิวาส ในวันที่ 20 ม.ค. 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมือง อำเภอสุไหงโก-ลก และอำเภอสุไหงปาดี ซึ่ง 2 อำเภอหลัง เป็น อำเภอที่พล.อ.ประยุทธ์ “ขอมา”

เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยไปได้ทุกที่ ไม่เว้น จ.นราธิวาส-พื้นที่สีแดง ว่า “พื้นที่สีเขียว” สามารถค้าขาย-ทำธุรกิจได้ รวมถึงการไป “กระทุ้ง” โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (SEC) และการเปิดด่านการค้าชายแดนสำคัญ

สำหรับการลงพื้นที่ในช่วงเช้าวันที่ 20 ม.ค.พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินทางไปสักการะศาลเจ้าแม่โต๊ะโมะ และพบกับตัวแทนสมาคมชาวไทยเชื้อสายจีน 4 สมาคม ได้แก่ สมาคมฮกเกี้ยน สมาคมแต้จิ๋ว สมาคมแคระ และสมาคมไหหลำ

จากนั้นจะเดินทางต่อไปยังเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เพื่อติดตามโครงการก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก พร้อมพบปะกับประชาชนและเยี่ยมชมนิทรรศการ ด้านสาธารณสุข ผลิตภัณฑ์ OTOP การค้าออนไลน์

ช่วงบ่ายพล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางต่อไปยังวัดประชุมชลธารา เพื่อเยี่ยมและพบปะประชาชนชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิม ก่อนจะเดินทางไปสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส เพื่อร่วมพูดคุยกับผู้นำทางศาสนาและประชาชนไทยชาวมุสลิม

วันที่ 21 ม.ค.ช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นประธานการประชุมพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดชายแดนภาคใต้ (นราธิวาส ปัตตานี และยะลา)

โดยเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ครั้งที่ 1/2563 ณ ห้องประชุมเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ และเดินทางกลับ.

ทั้งนี้ มีรัฐมนตรีที่แจ้งความจำนงไม่ไป “พื้นที่เสี่ยง” อาทิ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องไปเยือนอินเดีย แต่ก็รุดกลับมาทัน

ส่วนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ก็เลือกที่จะลงพื้นที่หาดใหญ่แทน

ก่อนหน้านี้ “ไม่ลงตัว” ที่ จ.นราธิวาส จนส่วนล่วงหน้าต้อง “หัวหมุน” เพราะ “พล.อ.ประยุทธ์” เปลี่ยนจาก จ.นครพนมและ จ.นครศรีธรรมราช ก่อน “เคาะ” ที่ จ.นราธิวาสใน “นาทีสุดท้าย”

ลอง “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นคน “เลือก” และ “อยากมา” มาจ.นราธิวาสด้วยตัวเองทั้งที จึง “ไม่พลาด” ที่จะให้ทีมงานเตรียม “สุนทรพจน์” ไว้พูดต่อหน้า “คนนราธิวาส” เพื่อ “เล่าความหลัง” ที่พล.อ.ประยุทธ์ มีความสัมพันธ์ใน “วันวาน” กับ จ.นราธิวาส

เพราะเป็น “บ้านเกิด” ของ “อาจารย์น้อง” รศ.นราพร จันทร์โอชา ภริยา เป็น “บ้านพ่อตา” พ.ต.อ.จำรัส โรจนจันทร์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส-บิดาอาจารย์น้อง ที่ตั้งชื่อบุตรสาวว่า “นราพร”

ก่อนที่ “อาจารย์น้อง” จะย้ายเข้ามากรุงเทพมหานครเพื่อศึกษาต่อที่โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนแวนต์ ระดับปริญญาตรีทางด้านภาษาอังกฤษ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโททางด้านการสอนภาษาอังกฤษจากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ก็เหมือนกับทุก ๆ ครั้งที่ไม่ว่า “พล.อ.ประยุทธ์” ลงพื้นที่ตรวจราชการที่จะหวัดใดจะมี “สตอรี่” ในจังหวัดนั้น ๆ เสมอ

“ตนเป็นคนชัยภูมิ เนื่องจากแม่เป็นสาวชัยภูมิ สาวชัยภูมิเป็นคนสวย ส่วนพ่อเป็นคนกรุงเทพฯ ไปทำงานโคราช และจีบสาวชัยภูมิ สำหรับตนหน้าเหมือนแม่มากที่สุด ถ้าดูดีก็คงได้มาจากแม่”พล.อ.ประยุทธ์กล่าวบนเวทีเมื่อครั้งไปตรวจราชการที่จ.ชัยภูมิ

แม้กระทั่งในสมัยที่ควบหัวหน้าคสช.ระหว่างลงพื้นที่จ.นครราชสีมา และ จ.ลพบุรี

“ดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้กลับมาเยี่ยมโคราชบ้านเดียวกัน เพราะเกิดในค่ายทหารที่นี่ คนอีสานเวลาจับข้าวเหนียวต้องจับสามนิ้ว ตนเกิดที่นี่มีพ่อเป็นทหาร ส่วนแม่ผมเป็นชาวจังหวัดชัยภูมิ จึงถือว่ามีเลือดอีสานร้อยเปอร์เซ็นต์ แม้จะไปทำงานที่อื่นก็ตาม แต่ไม่เคยลืมชาวอีสานไม่ว่าจะอยู่ฐานะใด”

“สรุปว่าเป็นคนโคราชเด้อ ผมดีใจที่ได้กลับมาโคราชอีก กลับมาบ้านอีกครั้ง ผมเกิดที่นี่ แล้วย้ายไปลพบุรี ถ้าคุณแม่ยังอยู่ท่านคงดีใจ แต่ท่านเสียแล้ว แต่ผมก็ดีใจที่ได้มาโคราช และหลายคนในคณะก็เคยทำงานในภาคอีสานทั้งนั้น”

“มาครั้งนี้รู้สึกอบอุ่นใจ ซึ่งลพบุรีเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เป็นดินแดนแห่งราชธานีแห่งที่ 2 ของไทย และตนเองเป็นคนลพบุรี เกิดที่โคราชแต่มาโตที่ลพบุรี เพราะพ่อมาเป็นทหารที่นี่ วันนี้มาติดตามงาน ติดตามปัญหาของประชาชนว่ามีอะไร ที่จะทำความเข้าใจกันได้บ้าง ไม่ได้มาทำงานการเมือง และวันนี้ตื่นเต้นกลับมาบ้านเก่า ไม่ได้หมายถึงตายนะ แต่บ้านเก่าหมายถึงบ้านที่เคยอยู่อาศัย แต่เมื่อเป็นรัฐบาลไม่สามารถทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ทำเพื่อคนลพบุรี หรือคนโคราชอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องทำให้ทุกจังหวัด”